ปฏิเสธไม่ได้ว่า สกุลเงินคริปโตกำลังแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากการปรากฏตัวของสกุลเงินดังกล่าวบนหน้าจอทีวีในสหรัฐฯ และการที่บริษัททางการเงินชื่อดังบางแห่งเริ่มให้การยอมรับ Bitcoin (BTC) แล้ว

ทั้งนี้ แม้ว่าราคาที่พุ่งขึ้นของสกุลเงินคริปโตจะเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ ทว่าพวกเขาก็ควรจะตระหนักถึงความเสี่ยงก่อนที่จะเข้ามาลงทุนด้วย ดังนั้น วันนี้ เราจะพาไปเจาะลึก 10 ประเด็นที่นักลงทุนควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลกัน

1. “อย่าลงทุนมากจนเกินตัว” นักลงทุนควรจะตระหนักไว้ว่า สกุลเงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงแฝงอยู่มากกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ รวมถึงมีความผันผวนสูง และมักไม่มีการกำกับดูแล ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ปฐมบทของสกุลเงินคริปโตอย่าง BTC ที่มีแนวโน้มที่จะอยู่ยงคงกระพันมากกว่าเหรียญคริปโตอื่น ๆ ก็ยังมีความเสี่ยง ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่ควรทุ่มสุดตัวเพื่อเหรียญใดเหรียญหนึ่ง

2. “ศึกษาอย่างละเอียด” ก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเหรียญใดก็ตาม นักลงทุนควรใช้เวลาศึกษาเทคโนโลยีดังกล่าวให้มากที่สุดเพื่อให้เข้าใจถึงคุณค่าของสินทรัพย์ประเภทนั้นและความเสี่ยงของมัน นอกจากนี้ การอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ ถามคำถามจากผู้รู้ หรือแม้กระทั่งรับฟังข้อโต้แย้งจากนักวิจารณ์ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรทำเป็นอย่างยิ่งก่อนการลงทุน 

3. “อย่าตกเป็นทาสของอาการกลัวตกรถ (Fear of Missing Out)” เนื่องจากนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ นอกจากนี้ การเทรดโดยใช้สัญชาตญาณแทนวิจารณญาณยังจะทำให้นักลงทุนเจ็บตัวได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงควรจะศึกษาก่อนการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ลงทุนตามกระแสเพียงอย่างเดียว

4. “หากฟังดูดีเกินจริง ก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ” วงการคริปโตแฝงไปด้วยพวกปลิ้นปล้อน มีหลายคนที่อ้างว่า โปรเจกต์ของพวกเขาจะเข้ามาแทนที่ BTC การศึกษาข้อมูลจึงสำคัญ ไม่เพียงเท่านั้น หากแพลตฟอร์มคริปโตเสนอผลตอบแทน 100 เท่า (100x Leverage) ให้กับนักลงทุน นักลงทุนก็มีโอกาสที่จะขาดทุนอย่างหนักเช่นกัน

5. “อย่าไว้ใจ แต่จงพิสูจน์ ” เพราะตลาดคริปโตเต็มไปด้วยพวกมิจฉาชีพ ตัวอย่างเช่น เคยมีกรณีของกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ประโยชน์จากการที่ Elon Musk ไปออกรายการทีวี "Saturday Night Live" เพื่อหลอกขโมยคริปโตจากนักลงทุนมูลค่ากว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

6. “ซื้อเต็มจำนวนไม่ได้ดีไปกว่าการซื้อทีละนิดเสมอไป” การที่เหรียญคริปโตเหรียญหนึ่งมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ไม่ได้หมายความว่า เหรียญดังกล่าวถูกกว่าบิตคอยน์ที่ซื้อขายกันอยู่ที่ 58,000 ดอลลาร์แต่อย่างใด นักลงทุนควรจะคำนึงถึงประเด็นอื่นเพื่อใช้กำหนดมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญดังกล่าวด้วย

7. “ถ้าไม่ใช่เจ้าของกุญแจ ก็ไม่ใช่เจ้าของเหรียญจริง ๆ” คริปโตถือเป็นสินทรัพย์ของผู้ครอบครอง กล่าวคือผู้ถือเป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยชอบธรรม เมื่อหายไปแล้ว ก็เอากลับคืนไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนบางส่วนจึงไม่แนะนำให้นำกุญแจกระเป๋าเงินดิจิทัลไปฝากไว้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกแฮกได้

8. “คุณซื้อหน่วยย่อยของบิตคอยน์ หรือคริปโตอื่น ๆ ได้” นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อบิตคอยน์เต็มจำนวน ตัวอย่างเช่น 1 Satoshi = 0.00000001 BTC นักลงทุนสามารถซื้อบิตคอยน์มูลค่าน้อยถึง 10 ดอลลาร์ก็ยังได้ โดยเศรษฐีพันล้านอย่าง Mark Cuban เคยกล่าวออกทีวีว่า การซื้อเหรียญมีม Dogecoin เป็นจำนวนน้อย ๆ ดีกว่าการซื้อลอตเตอรี่มาก

9. “เข้าใจการเก็บภาษี” เนื่องจากบางประเทศมีการเก็บภาษีคริปโต เช่น สหรัฐอเมริกา โดยกรมสรรพากรของสหรัฐฯ ระบุให้คริปโตเป็นทรัพย์สิน (Property) ไม่ใช่สกุลเงิน ดังนั้น เมื่อคุณซื้อสกุลเงินคริปโต และสกุลเงินดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้น คุณจะต้องรายงานกำไรจากการลงทุนและเสียภาษีสำหรับกำไรดังกล่าว

10. “การลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging (DCA) อย่าไปสนเรื่องราคา” วิธีลงทุนที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเลยคือ การใช้การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ Dollar Cost Averaging (DCA) ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวโดยไม่ต้องสนใจราคาของสินทรัพย์ ณ วันที่ซื้อ โดยนักลงทุนสามารถซื้อสกุลเงินคริปโตเหรียญใดก็ได้ด้วยจำนวนเงินครั้งละเท่า ๆ กันเป็นประจำทุกงวด เช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน หรือทุกปี