ณ ปัจจุบัน มีรายงานว่า ธุรกิจขนาดเล็กมากกว่า 1 ใน 3 ในสหรัฐอเมริกาเริ่มรับชำระค่าสินค้าและบริการเป็นบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) แล้ว และหลาย ๆ คนก็เดาว่า การชำระสินเชื่อบ้านด้วยสกุลเงินคริปโตจะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตอันใกล้นี้ โดยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีทางการเงินหลายแห่งก็เริ่มพัฒนาระบบของแพลตฟอร์มให้สามารถโอนคริปโตระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย และระหว่างลูกค้าและภาคธุรกิจแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ให้กู้ยืมสินเชื่อบ้านบางรายยังเริ่มทดลองให้ลูกค้าชำระเงินเป็นคริปโตแล้วด้วย

ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกันยายนปี 2021 ที่ผ่านมา ผู้ให้กู้ยืมสินเชื่อบ้านที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ อย่าง United Wholesale Mortgage ได้เปิดตัวแผนการที่จะเริ่มรับชำระเงินเป็นบิตคอยน์ ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็ต้องยกเลิกไปโดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะมีค่าใช้จ่ายสูงและความไม่แน่นอนด้านการกำกับดูแล

ถึงกระนั้น แนวคิดการซื้อบ้านด้วยสกุลเงินคริปโตก็ยังเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักพัฒนาและนักนวัตกรรมอยู่ไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าตอนนี้การซื้อบ้านด้วยสกุลเงินคริปโตจะยังเป็นสิ่งใหม่ แต่คุณก็สามารถใช้สกุลเงินคริปโตซื้อบ้านแบบถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อผ่านสถาบันการเงินหรือการซื้อผ่านเจ้าของบ้านโดยตรง

วิธีซื้อบ้านด้วยคริปโตในสหรัฐฯ

  1. การใช้คริปโตเป็นหลักประกัน

หนึ่งในวิธีใช้ประโยชน์จากคริปโตเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ก็คือการใช้คริปโตเป็นเงินดาวน์ ปัจจุบันนี้ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีการเงินใหม่ ๆ หลายแห่งได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนออกมาสำหรับบริการด้านนี้โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มให้กู้ยืมสกุลเงินคริปโตบางแพลตฟอร์มเสนอเงินกู้ที่มีคริปโตเป็นหลักประกันซึ่งมีอัตราร้อยละต่อปี (Annual Percentage Rate: APR) อยู่ระหว่าง 1-6% โดยเงินกู้ประเภทนี้สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้ เช่น รถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์

แนวคิดการกู้เงินโดยใช้คริปโตเป็นหลักประกันนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้กู้ไม่ต้องเทขายสินทรัพย์คริปโตเพื่อเข้าถึงเงินกู้ ทำให้ผู้กู้ไม่จำเป็นต้องแปลงคริปโตเป็นเงินสด รวมถึงสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ต้องเสียภาษีเพื่อซื้อบ้านได้ อย่างไรก็ดี ความซับซ้อนของเงินกู้ที่ใช้คริปโตเป็นหลักประกันคือ 1.) ในสหรัฐฯ บางรัฐก็ยังไม่มีเงินกู้ประเภทดังกล่าว 2.) การกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan to Value: LTV) เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเนื่องจากสกุลเงินคริปโตมีความผันผวนสูง

สมมติว่าคุณสามารถกู้เงินได้ในอัตรา 1 ต่อ 1 และใช้ 1 บิตคอยน์เป็นหลักประกัน ในทางทฤษฎีคุณจะได้เงินกู้คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 19,252.73 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นราคาของบิตคอยน์ตามเวลาที่เขียนบทความนี้ ซึ่งผู้ให้กู้ยืมแต่ละรายก็จะมีการคิด LTV ที่ต่างกันไป นอกจากนี้ คุณควรจำไว้ว่า มูลค่าของสกุลเงินคริปโตที่คุณใช้ประกันเงินกู้มีแนวโน้มที่จะเหวี่ยงแรงมากด้วย ยกเว้นในกรณีที่คุณใช้สินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin เป็นหลักประกัน 

  1. การโอนคริปโตโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายบ้าน

ผู้ซื้อและผู้ขายบ้านสามารถทำสัญญาส่วนตัวเพื่อซื้อขายบ้านด้วยสกุลเงินคริปโตผ่านการโอนคริปโตระหว่างกระเป๋าเงินโดยตรงได้ ทั้งนี้ ควรตระหนักไว้ด้วยว่า คุณควรทำสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร และปรึกษากับทนายที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอสังหาริมทรัพย์และคริปโตก่อนที่จะทำธุรกรรมประเภทดังกล่าว 

ถึงกระนั้น วิธีดังกล่าวอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าหากว่าคุณใช้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่อาจจะไม่พร้อมรับค่าคอมมิชชันเป็นคริปโต นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการ Escrow (การที่ผู้ซื้อบ้านจะต้องชำระเงินให้กับคนกลางจนกว่าผู้ขายบ้านจะทำตามเงื่อนไขสำเร็จเพื่อป้องกันการผิดสัญญา) ที่จะต้องกระทำผ่านธนาคารที่ได้รับการรับรองอีกด้วย

  1. การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Non-Fungible Token (NFT) ซื้อบ้าน

สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสร้าง NFT ทำให้เกิดช่องทางใหม่สำหรับโฉนดที่ดินของอสังหาริมทรัพย์และการชำระเงิน โดย NFT สามารถทำหน้าที่แทนการขายอสังหาริมทรัพย์โดยปกติ หรือทำหน้าที่เป็นรูปแบบการชำระเงินอย่างหนึ่งหรือหลักประกัน หรือทั้งสองอย่างเลยก็ได้ ถ้าเจ้าของบ้านและสถาบันการเงินรับรองมูลค่าของสินทรัพย์ดังกล่าว

ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Propy บริษัทสตาร์ตอัปด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ขายบ้านโดยใช้ NFT หลังแรกในสหรัฐฯ โดยเจ้าของได้ใช้สกุลเงินคริปโต 210 ETH (ราว 653,000 ดอลลาร์ ณ ช่วงนั้น) ซื้อบ้านหลังดังกล่าว และได้รับ NFT เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม แนวคิดการใช้ NFT ในกรณีนี้ค่อนข้างซับซ้อน กล่าวคือ ในกรณีดังกล่าว NFT ถูกผูกกับบริษัทจำกัด (Limited Liability Company: LLC) แห่งหนึ่งที่เป็นเจ้าของบ้านในโลกจริง และเป็นบริษัทที่ให้กู้ยืมเงินแก่ผู้บริโภคเพื่อมาซื้อบ้านหลังนั้น โดยแนวทางดังกล่าวได้เพิ่มขั้นตอนการซื้อบ้านมาอีกขั้นตอนหนึ่งซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่มีความคุ้นเคย 

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโตบางรายกล่าวว่า NFT เป็นเอกสารการจดบันทึกที่ดีกว่าโฉนดที่ดินแบบกระดาษ เนื่องจากโฉนดที่ดินแบบดังกล่าวอาจสูญหายได้ รวมถึงสร้างความคลุมเครือเกี่ยวกับมูลค่า ขนาด ภาษี ประวัติการขาย และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านอีกด้วย ในทางกลับกัน สัญญาอัจฉริยะจะช่วยทำให้รายละเอียดทั้งหมดเหล่านี้ได้รับการบันทึกไว้เป็นอย่างดีบนบล็อกเชน และจะคงอยู่ตลอดไป

กระนั้นก็ดี การขายบ้านโดยใช้ NFT ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นทั่วไป เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวยังถือเป็นสิ่งใหม่อยู่ นอกจากนี้ ยังมีคำถามเกี่ยวกับวิธีประเมินมูลค่า NFT อย่างถูกต้องเมื่อใช้เป็นหลักประกันอีกด้วย เนื่องจาก NFT และคริปโตมีความผันผวนนั่นเอง

  1. การแปลงคริปโตเป็นเงินสดเพื่อซื้อบ้าน

แน่นอนว่า เมื่อคุณสามารถใช้คริปโตซื้อบ้านกับผู้ขายได้โดยตรงแล้ว คุณก็สามารถใช้เงินสดชำระค่าบ้านได้ง่าย ๆ ในทำนองเดียวกัน ถ้าหากว่าคุณต้องการเงินสดสำหรับการซื้อบ้าน คุณก็สามารถแปลงสินทรัพย์คริปโตบางส่วนของคุณเป็นเงินสดเพื่อชำระเงินดาวน์ได้

สุดท้ายนี้ ก่อนที่คุณจะซื้อบ้านด้วยคริปโต ถามตัวเองก่อนว่าทำไมถึงอยากจะซื้อบ้านด้วยคริปโตตั้งแต่ทีแรก โดยสกุลเงินคริปโตนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความกระจายศูนย์ ในขณะที่อุตสาหกรรมสินเชื่อเกิดขึ้นมาจากผู้ให้กู้ยืมต่าง ๆ ซึ่งก็คือเหล่าธนาคารรวมศูนย์ ดังนั้น การขอสินเชื่อจากธนาคารและนำสกุลเงินกระจายศูนย์อย่างคริปโตมาชดใช้เงินตรา (Fiat) ที่คุณได้กู้ไปซื้อบ้านในโลกจริงจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาด

อย่างไรก็ดี นักลงทุนแต่ละคนก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไปในการซื้อบ้านด้วยคริปโต ซึ่งวิธีซื้อบ้านด้วยคริปโตอาจจะเป็นวิธีเก็งกำไรแบบหนึ่งที่ช่วยให้คุณกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้ เนื่องจากการซื้อบ้านด้วยคริปโตคือ การที่เรานำสินทรัพย์ที่มีความผันผวนไปแลกกับสินทรัพย์ที่มีความคงที่มากกว่าซึ่งจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าคุณคิดว่า ตัวเองมีสินทรัพย์คริปโตมากกว่าเงินตราและต้องการนำมาใช้ วิธีนี้ก็เป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว