ณ กลางปี 2023 โลกดูจะกลับสู่ภาวะปกติเต็มที่ โควิดจบแล้ว เงินเฟ้อเริ่มคงที่ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศหยุดขึ้นดอกเบี้ย ยุโรปสงครามรัสเซียและยูเครนเรียบร้อย

ทุกอย่างดูจะกลับสูภาวะปกติ

แต่ถามว่ามันจะมีอะไรทำให้มัน "ไม่ปกติ" มั้ย

นี่ทำให้เราต้องมามอง "ภัยเงียบ" ที่คืบคลานมาช้าๆ และภัยที่ว่าก็ไม่ได้มาจากที่ไหนนอกจากอีกมหาอำนาจอย่างจีน

จีนแผ่นดินใหญ่นั้นเราคงไม่ต้องพูดว่า "เสียหาย" ไปแค่ไหนช่วยโควิด จีนไม่เคยเศรษฐกิจตกต่ำขนาดนี้ตั้งแต่พัฒนาเศรษฐกิจมารัวๆ แบบโต่ไม่ต่ำกว่า 5% ทุกปีมาเกือบ 30 ปี จนมาสะดุดตัวเลขการเติบโตติดลบในช่วงโควิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมาตรการโควิดอันเข้มข้นของจีนก็ทำให้จีนฟื้นช้ากว่าชาติอื่นไปอีก

แต่โควิดก็จบแล้วนี่ จีนจะไม่กลับเข้าสู่ปกติเหรอ?

...อาจไม่ และจริงๆ "ต้นเหตุ" มันก็เป็นสิ่งที่เห็นตั้งช่วงโควิดแล้วตอนที่บริษัท Evergrande ที่เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่สุดในจีน "ล่ม" คือขาดเงินสด ไม่มีเงินจ่ายหนี้ จนสุดท้ายรัฐบาลต้องลงไปจัดการ

...แล้วจัดการไม่ได้เหรอ? นี่แหละสิ่งที่เราจะพูด

คือต้องเข้าใจก่อนว่าจีนเนี่ย ตลาดอสังหาใหญ่มาก ขนาดมันประมาณ 20% ของระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ซึ่งถามว่าทำไมมันใหญ่งี้ หลักๆ เพราะจีนมันพยายามจะ "พัฒนาอสังหา" ในพื้นที่ชนบทให้เป็นเมืองรัวๆ มากมาย เพื่อ "พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน" โดยทุกวันนี้ การพัฒนาก็ยังไม่หยุด

จริงๆ ถ้าใครรู้ ใส้ในของตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่โตรัวๆ มันเกิดจากการจับจ่ายของรัฐบาลไปซะเยอะ ซึ่งลงไปดูจริงๆ มันคือการลงเงินเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งเวลาเราเห็นจ่ายพวก "ปารีสจำลอง" หรือพวก "รูปปั้นที่ใหญ่สุดในโลก" มัคือโครงการอะไรพวกนี้แหละ

ตรรกะพวกนี้คือ ที่ดินชนบทมันไม่มีราคา พวกรัฐบาลท้องถิ่นเลยพัฒนาให้คนมาอยู่ ราคาที่ดินขึ้น คนจ่ายภาษีมากขึ้น รัฐบาลท้องถิ่นรวยขึ้น วนกันไป

แต่อย่างไรก็ดี ยุคหลังๆ มันไม่ใช่แค่รัฐบาลท้องถิ่นที่ทำแบบนี้ พวกบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนก็ทำ และเงิน "เงินกู้" ที่ธนาคารจีนปล่อยกู้ให้บุคคลธรรมดายากๆ ก็คือมาปล่อยให้พวกบริษัทอสังหาพวกนี้ไปกู้พัฒนาโครงการกันหมด แบบโครงการตึกระฟ้ามากมาย

และด้วยความที่จีนมันพัฒนาเมืองไม่หยุด เงินในจีนเองไม่พอ มันเลยมีการกู้ต่างชาติด้วย ซึ่งต่างชาติก็ยินดี เพราะตลาดอสังหาของจีนมันโตไม่หยุด ให้เรตดอกเบี้ยที่ดี และเป็นลูกหนี้ชั้นดีจ่ายตรงเวลามาตลอด

...แต่งานเลี้ยงก็ต้องถึงวันเลิกรา

หายนะทางอสังหาของจีนก็เป็นกรณีคลาสสิคดังเช่นหลายประเทศ คือการสร้างรัวๆ มาถึงจุดหนึ่งมันก็ไม่มีคนซื้อ ซึ่งมันมี 2 ปัจจัยหลักๆ

ในกรณีเมืองเล็กๆ การสร้างตึกรามบ้านช่องขึ้นมามันไม่จำเป็นต้องสร้าง "งาน" ตามมาด้วย ดังนั้นพวกเมืองเล็กๆ ที่สร้างใหม่ ตึกใหม่ๆ มีเต็ม แต่เมืองไม่มีงาน และถึงมีก็จ่ายน้อยกว่าเมืองใหญ่ เช่น คุณจะทำงานที่เมืองหนานชาง ในมณฑลจนๆ อย่างเจียงซีทำไม ในเมืองถ้าคุณเข้าปักกิ่ง ทำงานเดียวกันเงินเดือนมากกว่ากัน 3 เท่าตัว อะไรแบบนี้ทำให้คนเข้าเมืองใหญ่กันหมด และทำให้เมืองเล็กๆ ไม่มีคนอยู่ อสังหาที่ถูกสร้างมาก็ถูกทิ้งร้าง และพอขายไม่ออก นักพัฒนาก็ไม่มีเงินไปจ่ายบรรดาเจ้าหนี้ที่กู้เงินมาไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรือพวกนักลงทุนเชิงสถาบันทั้งในและนอกจีน

ในกรณีเมืองใหญ่ๆ ราคาอสังหามันขึ้นไปแบบบ้าบอจนพวกคนรุ่นใหม่ๆ ไม่มีปัญญาซื้อแล้ว มันก็จะเป็นกรณีแบบฮ่องกงที่คนไม่ได้คิดว่าชีวิตจะต้องซื้ออสังหาอีกต่อไป เพราะราคาอสังหาแบบบ้าๆ บอๆ นี่ถึงทำงานดีๆ แล้วผ่อน 30 ปีก็ไม่หมด ดังนั้นพวกอสังหาแพงจัดๆ ในเมืองใหญ่ๆ ก็ขายไม่ออก ซึ่งตรงนี้ก็ต้องไม่ลืมว่าจีนนั้นมีมาตรการไ่ม่ให้ต่างชาติมาซื้อด้วย ดังนั้นมันเลยไม่มีใครมาช่วยดูดซับอสังหาแพงๆ ที่ขายไม่ออกนี้

ภาวะทั้งหมดนี้ พอประสานกับ "ตัวกระตุ้นสุดท้าย" อย่างโควิดที่ทำให้คน "ไม่มีเงิน" กัน มันเลยทำให้บริษัทอย่าง Evergrande ถังแตก ขาดเงินสด ไม่มีตังค์มาจ่ายเจ้าหนี้อย่างที่ว่า แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ Evergrande บริษัทพัฒนาอสังหาอื่นๆ ในจีนก็ประสบชาตากรรมคล้ายๆ กัน เพราะว่ากันตรงๆ สถานการณ์มันไม่ดีมาก่อนโควิดแล้ว และโควิดก็เหมือนเป็นตัวกดสวิตช์ให้ทุกอย่างระเบิดออก

แล้วทางออกคือยังไง? จริงๆ มันก็ง่ายมาก และรัฐบาลจีนก็ดูจะเสนอแล้วว่า สุดท้ายอสังหาฯ ราคามันต้องลง โดยรัฐบาลจีนก็เริ่มไปกว้านซื้ออสังหาจากพวกบริษัทที่เริ่มจะไปไม่ไหว มาปล่อยเช่าในราคาถูกๆ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลจีนต้องการให้อสังหาราคาลง

และก็ใช่แล้วครับ นี่คือภาวะ "ฟองสบู่อสังหาแตก" แบบเงียบๆ เลย ซึ่งผลที่เป็นโดมิโน่ตามมาก็คือ ตอนนี้ในจีน ข่าวว่าบางพื้นที่ราคาอสังหาตกมา 30-40% นี่เป็นเรื่องปกติมาก

ซึ่งก็ลองคิดดูแล้วกันครับว่า ถ้าภาวะแบบนี้เกิดขึ้นทั้งระบบจะเป็นยังไง และถ้าจะให้เห็นภาพคร่าวๆ คือ ตอนนี้ตลาดอสังหาของจีนนั้น "ล่ม" แล้ว คือถ้าอสังหาทั้งระบบราคาตกไปราวๆ นี้หมด คือไม่แบบนี้ไ่ม่เรียกว่า "ล่ม" ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงแล้ว

แต่มันจะส่งผลต่อโลกยังไง? อันนี้ก็อาจต้องลองไปเช็คว่าพวก "เจ้าหนี้" ของบริษัทอสังหาในจีนเป็นใครบ้าง คือถ้าเจ้าหนี้เป็นพวกสถาบันการเงินระดับโลกไปซะเยอะ ไอ้การ "ล่ม" นี้อาจส่งผลวงกว้างแน่ๆ เพราะมันก็จะคล้ายๆ วิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งในโลก ที่จุดแรกสุดที่กระตุ้นให้เกิดวิกฤติก็คือ ภาคหนึ่งในเศรษฐกิจเจ๊ง แล้วไม่มีเงิน "จ่ายหนี้" และทำให้พวกเจ้าหนี้ทั้งหลายขาดกระแสเงินสด จนบางทีเจ๊งตามเป็นโดมิโนไปตามสูตร

ก็เรียกได้ว่านี่จริงๆ คือเรื่องใหญ่มาก แต่ก็ "เงียบ" อยู่พอควรถ้าเราไม่ตามก็ไม่รู้ ซึ่งมันจะ "เงียบ" ก็ไม่แปลก เพราะจีนไม่เคยให้เรารู้ "วิกฤติภายใน" อยู่แล้ว แต่ภาพ "สัญญาณ" ที่ออกมานิดๆ หน่อยๆ ณ ปัจจุบัน ของข่าวตลาดอสังหาในจีน มันก็ดูจะชี้ไปทางนั้นหมด

 

Ref.

https://www.cnbc.com/2023/02/03/chinas-real-estate-crisis-isnt-over-yet-imf-says.html

https://www.scmp.com/business/article/3214726/chinas-property-crisis-evergrande-shimao-and-other-fallen-tycoons-rush-lifelines-fix-us232-billion

https://www.nytimes.com/2023/05/25/business/china-housing-crisis-nanchang.html

https://www.bbc.com/news/business-65047627

https://peoplesdispatch.org/2023/05/30/is-chinas-housing-market-in-trouble/

https://www.eastasiaforum.org/2022/10/18/chinas-real-estate-sector-goes-south/