กลโกงการโอน P2P ใน Binance พร้อมวิธีเลือกร้านอย่างปลอดภัย

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการที่เราจะโอนเงินเข้าไปใน Binance หลาย ๆ คนมักจะเลือกใช้วิธี P2P หรือเรียกกันว่า “Peer to Peer” เป็นการซื้อขายเหรียญคริปโตระหว่างบุคคลสู่บุคคล ให้อารมณ์แบบมีคนตั้งร้านขายของแล้วเราไปซื้อของประมาณนั้น และมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เคยโดนโกงจากการซื้อขายด้วยการทำธุรกรรมแบบ P2P

 

กลโกงที่มักใช้กันใน P2P

สำหรับผู้ขาย

  1.  “สลิปธนาคารปลอม” กลโกงวิธีแรกจะเหมือนกับชีวิตจริงเลย โดยปกติก่อนที่ฝั่งถือเหรียญจะกดปล่อยเหรียญ ทางผู้ซื้อจะต้องโอนเงินให้กับผู้ขายก่อน ซึ่งจากความประมาทของหลาย ๆ คน จึงไม่ได้ตรวจสอบเงินที่เข้ามาในธนาคารให้ดีก่อน (หากโดนโกงด้วยวิธีนี้ทาง Binance จะไม่ตามเงินคืนให้อีกด้วย)
  2.  “รอ 3 วันแล้วเงินจะเข้า” วิธีนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากที่ผู้ซื้อกับผู้ขายอยู่กันคนละประเทศ ผู้ซื้อจะส่งสลิปให้กับผู้ขายและบอกว่า “ต้องรอ 3 วันแล้วเงินถึงจะเข้า ให้ปล่อยเหรียญออกมาได้เลย” หากหลงเชื่อแล้วรอ 3 วัน เราจะไม่สามารถรายงานเรื่องกับทาง Binance ได้ เพราะเกินระยะเวลาที่กำหนด

 

สำหรับผู้ซื้อ

  1. “ไม่ยอมปล่อยเหรียญ” เมื่อเราโอนเงินให้ไปแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมกดปล่อยเหรียญ หรือเงียบหายจนธุรกรรมล้มเหลว ถ้าเรารู้ตัวเร็ว เราก็ยังสามารถรายงานไปที่ทาง Binance ได้ และเขาก็จะจัดการเรื่องให้กับเรา ระยะเวลาที่จะได้เงินคืนประมาณ 4-5 วัน
  2. ถูกบอกให้ “ยกเลิก Order” หากถูกบอกว่า “ระบบค้าง ยกเลิก Order ให้หน่อย” ห้ามกดโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเงินไปเลยฟรี ๆ


การ P2P ใน Binance ร้านไหนถึงไม่โดนโกง

  1.  “ดูชื่อร้านที่มีเครื่องหมายถูกหลังชื่อ” ร้านที่มีเครื่องหมายถูกด้านหลังชื่อแสดงว่า ได้รับการ Verified จากทาง Binance จึงมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง
  2.  “ดูธุรกรรมจากทางร้าน” ร้านแต่ละร้านจะขึ้นบอกว่า ในวันนั้นทำธุรกรรมไปแล้วเท่าไหร่ ควรหาร้านที่มีธุรกรรมเกิน 400 ขึ้นไป และดูด้วยว่าเปอร์เซ็นต์การทำธุรกรรมที่สำเร็จมีมากน้อยแค่ไหน (ยิ่งมากก็ยิ่งดี)
  3.  “หลีกเลี่ยงร้านที่ให้ค่าเงินสูงมากเกินไป” ส่วนใหญ่ร้านที่ให้ราคาสูงมาก ๆ เมื่อเทียบกับเรทราคาของตลาด ร้านพวกนี้จะมีสิทธิ์โกงที่ค่อนข้างสูง

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีง่าย ๆ ที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นทำธุรกรรม เพื่อลดความเสี่ยงที่เราจะโดนโกงในโลกคริปโต หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับหลาย ๆ คน