เชื่อว่า ใครก็ตามที่เข้ามาในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องรู้จัก Litecoin (LTC) เป็นอย่างดี เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้ถือเป็นสกุลเงินคริปโตทางเลือก หรือ Altcoin ตัวแรก ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นเหรียญทางเลือกนอกจาก Bitcoin (BTC) แถมยังมีความคล้ายคลึงกับ Bitcoin อยู่ไม่น้อยจนอาจเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยก็ว่าได้ ถ้าหากเจ้า Bitcoin เปรียบได้เป็นทองคำดิจิทัล ตัวของ Litecoin ก็เปรียบเสมือนแร่เงินในโลกดิจิทัล โดยในช่วงขาขึ้นนั้น Litecoin มีมูลค่ารวมตามราคาตลาด (Market Capitalization) มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของวงการเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตลาดสกุลเงินคริปโตเริ่มอิ่มตัว สกุลเงินคริปโตนานาชนิดก็ถูกปล่อยออกสู่ตลาด และมีการแก่งแย่งช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกันอย่างดุเดือด ความนิยมของ Litecoin ก็ค่อย ๆ ร่อยหรอลงมาบ้าง ทว่าสกุลเงินคริปโตตัวนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่คนนิยมใช้มากที่สุด โดยข้อมูลของวันที่ 1 ธันวาคม 2565 แสดงให้เห็นว่า Litecoin เป็นสกุลเงินคริปโตที่มีมูลค่ารวมตามราคาตลาดมากที่สุดเป็นลำดับที่ 13 เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Litecoin ว่าคืออะไร ทำไมถึงเป็นหนึ่งใน Altcoin ที่ได้รับความนิยมขนาดนี้


Litecoin (LTC) คืออะไร?

Litecoin เป็นเครือข่ายสกุลเงินคริปโตระหว่างบุคคล (Peer to Peer: P2P) ระดับโลกแบบ Open-Source ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินไปได้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ต่ำ โดยเครือข่าย Litecoin ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมปี 2554 และเดิมทีถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็นบล็อกเชนแยกของ Bitcoin เพื่อแก้ปัญหาสำคัญ 3 อย่างที่พบในเครือข่ายบล็อกเชนดังกล่าว ได้แก่ ความเร็ว, ความสามารถในการขยายการรองรับธุรกรรม (Scalability) และการรวมศูนย

โดย Litecoin ถูกออกแบบมาให้เป็นวิธีการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมกับพ่อค้าแม่ขายและผู้บริโภค เนื่องจากสามารถยืนยันธุรกรรมได้ทันที นอกจากนี้ Litecoin ยังใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof of Work (PoW) ในการดูแลเครือข่ายอีกด้วย ซึ่งเหมือนกับกลไกฉันทามติของเครือข่ายบล็อกเชน Bitcoin ถึงกระนั้น เครือข่าย Litecoin กลับใช้กลไกในการขุดเหรียญที่เรียกว่า “Scrypt” ขณะที่เครือข่าย Bitcoin ใช้กลไก SHA-256 ในการขุดเหรียญ ทั้งนี้ ในอดีตนั้น Scrypt ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันการโจมตีผ่านการใช้เครื่องขุดที่ออกแบบมาเพื่อการขุดคริปโตโดยเฉพาะอย่าง “วงจรรวมเฉพาะแอปพลิเคชัน (Application-Specific Circuits: ASIC)” เนื่องจากเดิมทีเชื่อกันว่าเป็นเพราะ Bitcoin ใช้กลไกการขุด SHA-256 ที่ใช้ความจำน้อย จึงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากเครื่องขุดแบบดังกล่าว ในขณะที่ Scrypt ต้องใช้ความจำมาก ทำให้ ASIC ไม่เหมาะที่จะใช้กับ Scrypt จึงถูกโจมตียากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา การขุดเหรียญแบบใช้ ASIC ที่รองรับกลไก Scrypt ก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถใช้งานบนเครือข่ายของ Litecoin ได้แล้ว 


จุดเริ่มต้นของ Litecoin

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า Litecoin เป็น Altcoin ตัวแรก ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาหลังจาก Bitcoin โดยสกุลเงินคริปโตตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นในเดือนตุลาคมปี 2554 จากฝีมือของ Charles "Charlie" Lee ศิษย์เก่าสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT) และอดีตวิศวกรของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่สนใจใน Bitcoin โดย Lee เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Bitcointalk ว่า ตนอยากจะสร้างเหรียญที่เปรียบได้กับแร่เงินมาคู่กับ Bitcoin ที่เป็นเสมือนทองคำโดยใช้นวัตกรรมที่ดีที่สุดของ Bitcoin และเหรียญคริปโตอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด ณ ตอนนั้น ยิ่งไปกว่านั้น Lee ยังเผยอีกว่า Litecoin เกิดขึ้นมาหลังจากที่เขา “กำลังเล่นกับ Codebase ของ Bitcoin” เพื่อพยายามที่จะสร้างบล็อกเชนแยก (Fork) ของ Bitcoin ซึ่งตอนแรก “เป็นเพียงแค่โปรเจกต์เสริมสนุก ๆ เท่านั้น”


Litecoin ทำงานอย่างไร?

Litecoin ทำงานอยู่บนบล็อกเชนแบบ Open-Source ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานกลางใด ๆ โดยผู้ควบคุมโหนด (Node) แต่ละคนก็จะมีสำเนาบล็อกเชนทุกบล็อกเชนเพื่อให้มั่นใจว่า ธุรกรรมใหม่จะไม่ขัดแย้งกับประวัติธุรกรรมของบล็อกเชน และนักขุด (Miner) จะช่วยประมวลผลธุรกรรมใหม่ด้วยการรวมธุรกรรมเหล่านี้เข้าไปยังบล็อกที่เพิ่งขุดใหม่


จุดเด่นของ Litecoin

สิ่งที่ทำให้ Litecoin ยืนหนึ่งเหนือผองเพื่อน Altcoin ตัวอื่น ๆ ไม่ได้มีเพียงแค่ความเร็วในการสร้างบล็อกและการใช้กลไกการขุดอย่าง Scrypt เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของการที่สินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้มักจะหลีกเลี่ยงกระบวนการที่เรียกกันว่า “Pre-Mine” อีกด้วย ซึ่ง Pre-Mine นั้นช่วยให้นักพัฒนาโปรเจกต์เหรียญคริปโตบนบล็อกเชนสามารถขุดเหรียญคริปโตได้ก่อนเปิดตัวเหรียญออกสู่สาธารณชน อีกทั้งยังเป็นช่องทางหนึ่งในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับเหล่าผู้สร้างและหาเงินมาใช้ในการดำเนินโปรเจกต์

ในยุคแรกเริ่มของสกุลเงินคริปโต ผู้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลหลายคนต้องการ Altcoin ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวอย่างยุติธรรม ซึ่งคล้ายกับการเปิดตัวของ Bitcoin ด้วยเหตุนี้ เมื่อ Litecoin ได้รับการเปิดตัว Lee จึงแก้ปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ โดยเจ้าตัวกล่าวว่า การที่คน ๆ หนึ่ง หรือคนกลุ่มหนึ่งถือครองเหรียญอยู่เป็นจำนวนมากและเอาไปใช้ได้ตามอำเภอใจนั้น “เป็นสิ่งที่ขัดแย้งต่อวิสัยทัศน์ด้านการกระจายศูนย์ของ Bitcoin”

โดยก่อน Litecoin เปิดตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ Lee ได้ปล่อยรหัสต้นฉบับ (Source Code) และเลขฐานสอง (Binary Code) ออกมาเพื่อให้คนทั่วไปทดลองขุดเหรียญก่อนการเปิดตัว ไม่เพียงเท่านั้น วันและเวลาในการเปิดตัวเหรียญยังกำหนดผ่านการทำโพลสอบถามสมาชิกชุมชนคริปโตบนเว็บไซต์ Bitcointalk อีกด้วยเพื่อว่าพวกเขาจะได้เลือกเวลาที่ตัวเองสะดวกที่สุด ด้วยความที่สมาชิกชุมชนคริปโตทุกคนรู้กำหนดการเปิดตัวเหรียญแล้วจากการทำโพลดังกล่าว ก็ทำให้พวกเขาสามารถเริ่มขุดเหมืองได้ในเวลาเดียวกันโดยเพียงแค่แก้ไขไฟล์เล็กน้อยเท่านั้น  


Litecoin ต่างจาก Bitcoin อย่างไร?

Litecoin ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาของ Bitcoin เช่น Litecoin มาพร้อมกับเป้าประสงค์ที่จะทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ขายสามารถรับชำระเงินด้วย Litecoin ได้ง่ายขึ้นผ่านการทำธุรกรรมที่เร็วกว่าการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน Bitcoin โดยทั่วไปแล้ว บล็อกของ Litecoin หนึ่งบล็อกจะใช้เวลาขุดโดยเฉลี่ย 2.5 นาที ขณะที่ บล็อกของ Bitcoin จะใช้เวลาขุดอยู่ที่ราว 10 นาทีเลยทีเดียว 

นอกจากนี้ ถึงแม้ว่า Litecoin และ Bitcoin จะมีอุปทานเหรียญที่จำกัดเหมือนกัน ทว่า Litecoin กลับมีปริมาณเหรียญมากกว่า Bitcoin ถึง 4 เท่า โดยอุปทานของ Litecoin นั้นถูกจำกัดไว้ที่ 84 ล้าน LTC ขณะที่ อุปทานของ Bitcoin นั้นอยู่ที่ 21 ล้าน BTC ไม่เพียงเท่านั้น Litecoin ยังปรับแนวทางการสร้างเหรียญให้สอดคล้องกับแนวทางของ Bitcoin อีกด้วย กล่าวคือ Bitcoin จะมีการปรับลดรางวัลจากการขุดเหรียญลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ ครั้งที่มีการขุดครบ 210,000 บล็อก ขณะที่ Litecoin จะมีการปรับลดรางวัลจากการขุดเหรียญลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ ครั้งที่มีการขุดครบ 840,000 บล็อกเพื่อทำให้มั่นใจว่า Litecoin เหรียญสุดท้ายจะถูกขุดขึ้นมาพร้อมกับ Bitcoin เหรียญสุดท้าย