หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านข่าวหาความรู้เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโต เชื่อว่า นอกจากคุณจะเคยเจอคำว่า “Bitcoin (BTC)” แล้ว คุณต้องเคยเจอคำว่า “Altcoin” มาบ้างเป็นอย่างน้อย ท่านผู้อ่านหลายคนที่เจอคำนี้เป็นครั้งแรกอาจงงงวยไปชั่วครู่ เนื่องจากเป็นคำที่ดูแปลกใหม่ สะกดก็ยาก หนำซ้ำยังไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่ รู้เพียงแต่ว่ามันเป็นเหรียญแน่นอน แต่จะให้หยิบพจนานุกรมมาเปิดดูก็กินเวลาไปไม่น้อย ไม่ต้องห่วง บทความนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับศัพท์ที่มีรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ นี้กัน 


Altcoin คืออะไร?

Altcoin เป็นการผสมคำระหว่างคำว่า “Alt” อันหมายถึง “Alternative (ทางเลือก)” และ “Coin (เหรียญ)” อันหมายถึง “Cryptocurrency (เหรียญคริปโต)” โดย Altcoin ก็คือสกุลเงินคริปโตทุกเหรียญที่ไม่ใช่ Bitcoin นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโตบางคนก็มองว่า Altcoin คือสกุลเงินคริปโตทุกเหรียญที่ไม่ใช่ Bitcoin และ Ethereum (ETH) เนื่องจากสกุลเงินคริปโตส่วนใหญ่พัฒนามาจากสกุลเงินคริปโตสองตัวนี้

จุดเริ่มต้นทั้งหมดทั้งมวลของ Altcoin ก็ต้องย้อนไปเมื่อปี 2008-09 หรือราว 13 ปีที่แล้ว โดย ณ ตอนนั้น  สหรัฐฯ ประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงินก่อนจะลามไปทั่วโลก หลังจากนั้นสกุลเงินคริปโตตัวแรกของโลกอย่าง Bitcoin ก็ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับแนะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนให้คนทั่วโลกได้รู้จัก ต่อมาก็มีสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมาเป็นขบวน นับตั้งแต่ปี 2008 ที่เจ้า Bitcoin เกิดขึ้นมา ก็มี Altcoin จำนวนมากกว่า 2,000 เหรียญที่ถูกนำมาใช้

Bitcoin ได้กลายมาเป็นราชาแห่งสกุลเงินคริปโตและปฏิวัติโลกการเงิน และยังเป็นเสาหลักสำคัญของสกุลเงินคริปโตทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วย เนื่องจากมีความได้เปรียบจากการเข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก คำว่า Altcoin จึงมาจากแนวคิดที่ว่า Bitcoin เป็นสกุลเงินคริปโตดั้งเดิม ส่วนสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ เป็นได้แค่ “เหรียญรอง” หรือ “เหรียญทางเลือก” นั่นเอง 

ทั้งนี้ Altcoin หลายเหรียญได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาทางเทคนิคและการใช้งานของ Bitcoin ผ่านกระบวนการที่เรียกกันว่า “Hard Fork” ซึ่งเป็นการแยกบล็อกเชน โดย Bitcoin มักจะได้รับการอ้างอิงเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร ในขณะที่ Altcoin มักจะได้รับการประเมินมูลค่าเทียบกับ Bitcoin 


ประเภทของ Altcoin

Altcoin มีหลายประเภทมาก แต่ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างประเภทของ Altcoin แบบกว้าง ๆ มาให้ดูกัน โดยสามารถแยก Altcoin ออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้ 

  1. Proof of Work (PoW), Proof of Stake (PoS) (อิงตามกลไกฉันทามติ)

    เครือข่ายบล็อกเชน Bitcoin ใช้กลไกฉันทามติแบบ PoW ที่นักขุดจะมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลและยืนยันธุรกรรม นอกจากนี้ Altcoin อื่น ๆ อย่างเช่น LTC, Bitcoin Cash (BCH) และ Zcash (ZEC) ก็มีกลไกฉันทามติแบบ PoW เช่นเดียวกับ Bitcoin ในขณะที่เครือข่ายบล็อกเชนที่ใช้กลไกฉันทามติแบบ PoS จะมีผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator) เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการยืนยันธุรกรรม โดยเครือข่ายบล็อกเชนชื่อดังอย่าง Ethereum ก็เพิ่งเปลี่ยนจาก PoW มาเป็น PoS ผ่านการอัปเกรด The Merge เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจาก PoW ใช้พลังงานในการยืนยันธุรกรรมมหาศาล


  1. Stablecoin 

สินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin คือ Altcoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์อื่น เช่น สกุลเงินตราอย่างดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค่าของ Stablecoin จะเทียบเท่ากับมูลค่าของสินทรัพย์ที่ตรึงไว้กับเหรียญดังกล่าวในอัตรา 1 ต่อ 1 ตัวอย่างเช่น Altcoin อย่าง Tether (USDT) เป็น Stablecoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์ โดย 1 USDT จะมีมูลค่าใกล้เคียงหรือเท่ากับ 1 ดอลลาร์

ในการตรึงมูลค่านั้น ผู้ออกเหรียญมักจะเก็บเงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีจำนวนเท่ากับเหรียญในระบบเอาไว้ในทุนสำรองของตน เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดว่าเหรียญหลุดตรึงมูลค่าหรือประสบปัญหาอื่น ๆ ผู้ถือก็จะได้เงินชดเชยคืน


  1. Decentralized Finance (DeFi) Altcoin

DeFi Altcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin ที่เปิดโอกาสให้ผู้ถือสามารถให้ยืมหรือขอยืมสกุลเงินคริปโตเพื่อหารายได้โดยไม่ต้องออกแรงมากมายได้ (Passive Income) ตัวอย่างของ DeFi Altcoin ได้แก่ Compound (COMP), Synthetix (SNX) และ Uniswap (UNI)


อนาคตของ Altcoin

การลงทุนใน Altcoin ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุน นอกจากนี้ เหรียญบางเหรียญยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีสิทธิ์ในการตัดสินใจดูแลโปรเจกต์เหรียญด้วย ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าทุกเหรียญจะดีเลิศประเสริฐศรี มีแค่เหรียญที่มีกรณีการใช้งานอันแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัยในตลาดได้ สิ่งสำคัญเลยคือ Altcoin ยังไม่มีการกำกับดูแล ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงหลายอย่างที่นักลงทุนจะต้องระวังเอาไว้ และแน่นอนว่า ในอนาคตเมื่อตลาดสกุลเงินคริปโตเติบโตขึ้น ความเสี่ยงที่เกิดจากการขาดการกำกับดูแลก็จะได้รับการบรรเทา


รู้หรือไม่?

แม้ว่าบางคนจะมองว่า “Altcoin” เป็นคำหยาบคายที่ด้อยค่าสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin แต่ส่วนใหญ่แล้วคำว่า Altcoin มักจะใช้ในความหมายที่เป็นกลาง เนื่องจากผู้พูดไม่ได้ต้องการนำไปใช้เพื่อสื่อความหมายในเชิงลบหรือเชิงบวกต่อสินทรัพย์ที่ผู้พูดกล่าวถึงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม คำว่า “Shitcoin” ต่างหากล่ะที่มีความหมายเชิงลบ และมักจะใช้เป็นคำสบถในการดูถูกสกุลเงินคริปโตที่ไร้ซึ่งคุณค่า