เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐได้ประกาศแบน Tornado Cash ซึ่งเป็นบริการผสมเหรียญบนบล็อกเชน Ethereum เนื่องจากเหล่าอาชญากรได้ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวฟอกเงินมูลค่า 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ขโมยมาจากสะพานเชื่อมบล็อกเชน Nomad  หลังจากนั้นเครื่องมือผสมเหรียญคริปโต (Coin Mixer) ก็ได้รับความสนใจขึ้นมา แต่เครื่องมือนี้มันใช้ทำอะไรกันแน่ แล้วทำไมคนถึงต้องใช้มัน บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกัน


Coin Mixer คืออะไร?

Coin Mixer เป็นเครื่องมือที่เปิดให้ผู้ใช้อำพรางต้นทางและปลายทางของธุรกรรม โดยผู้ใช้จะส่งสกุลเงินคริปโตไปยังเครื่องมือนี้ จากนั้นเหรียญคริปโตของผู้ใช้ก็จะถูกเอาไปรวมกับเหรียญของคนอื่น และเครื่องมือดังกล่าวก็จะส่งเหรียญที่ผสมมาแล้วไปให้กับผู้รับปลายทาง ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะช่วยปกปิดตัวตนของผู้ส่งเงินและผู้รับเงินได้

ด้วยเหตุนี้ Coin Mixer จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เมื่อมีการผสมเหรียญคริปโตแล้ว การติดตามเจ้าของธุรกรรมก็จะทำได้ยากขึ้นนั่นเอง การใช้เครื่องมือนี้เปรียบได้กับกระบวนการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จะต้องทำให้มั่นใจว่า สลากที่เราหยิบมาเกิดจากการสุ่มแล้วจริง ๆ


ทำไมคนถึงใช้ Coin Mixer?

สกุลเงินคริปโตมีบัญชีสาธารณะ (Public Ledger) เปิดเผยที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดไว้บนบล็อกเชน ดังนั้น สมมติว่าคุณทำธุรกรรมบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) หมายความว่า ทุกคนจะสามารถมองเห็นธุรกรรมของคุณได้ ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวก็ไม่ได้เปิดเผยชื่อของคุณแต่อย่างใด แต่หลายคนก็ยังกังวลว่า ผู้ไม่หวังดีจะสามารถสะกดรอยตามพวกเขาได้ ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยี Coin Mixer จึงเข้ามาอำนวยความสะดวกตรงนี้


Coin Mixer ทำงานอย่างไร?

Coin Mixer จะใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ในการรับเหรียญที่ผู้ใช้ฝากเข้ามาและเปิดให้ถอนได้จากอีกที่อยู่ ซึ่งสัญญาอัจฉริยะจะทำหน้าที่เป็นพูลที่ผสมเหรียญต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เมื่อผู้ใช้ถอนเหรียญออกไปจากพูล ความสัมพันธ์ของผู้ส่งเงินและผู้รับเงินก็จะถูกตัดขาด และไม่สามารถระบุตัวตนผู้ทำธุรกรรมได้

โดยส่วนใหญ่แล้ว Coin Mixer มักจะไม่ได้อยู่ในการควบคุมของคนกลาง หมายความว่า เครื่องมือดังกล่าวเป็นเพียงการสร้างสัญญาอัจฉริยะเท่านั้น ไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาดูแลสินทรัพย์และกระเป๋าเงิน ฉะนั้น เครื่องมือชนิดนี้จึงเป็นที่ต้องตาต้องใจของพวกอาชญากรที่ต้องการฟอกเงิน

ด้วยความที่ธุรกรรมการเงินมักจะเป็นที่สนใจของผู้กำกับดูแลอยู่แล้ว ยิ่ง Coin Mixer ช่วยปกปิดตัวตนของผู้ทำธุรกรรมมากขึ้น ทำให้เครื่องมือชนิดนี้จึงถูกจับตามองจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ 


กรณีการใช้งานที่ถูกกฎหมาย

บุคคลทั่วไปหรือบริษัทที่ทำธุรกรรมคริปโตจำนวนมากอาจจะใช้ Coin Mixer เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งธุรกิจหรือผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามข้อมูลได้ ขณะที่กลุ่มคนรวยก็อาจจะใช้เครื่องมือนี้เพื่อปกปิดธุรกรรมจากคนร้ายและมิจฉาชีพ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ก็อาจจะใช้เครื่องมือผสมเหรียญเช่นกัน เนื่องจากพวกเขายึดมั่นในความเชื่อที่ว่า รัฐบาลไม่ควรจะติดตามธุรกรรมการเงินของประชาชนทุกธุรกรรม

ส่วนกรณีการใช้งานที่มีประโยชน์กับสังคมไม่น้อยก็คือ การบริจาคให้กับกลุ่มนักกิจกรรมต่าง ๆ เช่น นักธุรกิจคนหนึ่งอยากบริจาคเงินสนับสนุนชาวยูเครน แต่เจ้าตัวไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบได้ จึงใช้ Coin Mixer แทน โดยเขาก็เข้าไปที่เว็บไซต์ที่ให้บริการเครื่องมือนี้ จากนั้นก็อาจจะฝาก Ether (ETH) ก้อนหนึ่งเข้าไปยังระบบ สกุลเงินคริปโตก้อนดังกล่าวก็จะเข้าไปอยู่ในสัญญาอัจฉริยะ และผสมกับธุรกรรมของคนอื่น เมื่อเครื่องมือดังกล่าวดำเนินการเรียบร้อยแล้ว นักธุรกิจคนดังกล่าวก็จะกรอกที่อยู่ผู้รับเข้าไปในตัวระบบ จากนั้นเหรียญจะถูกส่งไปให้กับกลุ่มนักกิจกรรมโดยที่ไม่ปรากฏที่อยู่ของผู้ส่งแต่อย่างใด