Federal Reserve Bank of New York หนึ่งในธนาคารกลางในระบบธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve System) ได้จัดทำแบบสำรวจว่าด้วยเรื่องความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และได้เผยแพร่ในรายงานเสถียรภาพทางการเงินในเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ โดยผลสำรวจพบว่า สกุลเงินคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin นั้น ไม่ติดอยู่ใน 10 อันดับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปี 2565

โดยสกุลเงินคริปโตอยู่ที่อันดับ 12 จาก 14 ซึ่งปัจจัยที่กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังระอุ, อัตราเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อและนโยบายการเงินที่รัดกุม และมูลค่าและการปรับฐานราคาสินทรัพย์เสี่ยง 

นอกจากนี้ การถอนการลงทุนของต่างประเทศในสินทรัพย์ของสหรัฐฯ การโจมตีทางไซเบอร์ ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ยังเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่ถูกพูดถึงมากกว่าสกุลเงินคริปโต มีเพียงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการปรับฐานของราคาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่อยู่ในอันดับที่ต่ำกว่า

ซึ่งการที่สกุลเงินคริปโตตกมาอยู่ต่ำกว่าอันดับ 10 นี้ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนความคิดกันแล้ว หลังจากเหล่าผู้ประกอบการด้านคริปโตพยายามให้ความรู้แก่มวลชนอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางก็ยังไม่ได้สนับสนุนคริปโตเนื่องจากความเสี่ยงของสินทรัพย์ประเภทดังกล่าว โดยได้ชี้ถึงสกุลเงินคริปโตรายใหญ่ทั้งหลาย เช่น Bitcoin (BTC), Ether (ETH), BNB, Cardano (ADA) และ XRP ที่มูลค่าตกลงกว่า 69% เมื่อเทียบกับเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว พร้อมเสริมว่า “การเก็งกำไรและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ๆ สำหรับราคาของคริปโตเลย ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นมีการเหวี่ยงขึ้นลงที่รุนแรงให้เห็นมาแล้ว”

นอกจากนี้ ยังพูดถึงกรณีการล่มสลายของระบบนิเวศ Terra ว่า เหล่านิติบุคคลที่เข้าไปลงทุนในเหรียญ TerraUSD (UST) โดยตรงนั้นก็ประสบกับวิกฤตทางด้านการเงิน ซึ่งบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นล้มละลายเลยทีเดียว