เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันนี้ (20 มิถุนายน 2023) ตามเวลาประเทศไทย ข้อมูลจากแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลราคาสินทรัพย์อย่าง TradingView แสดงให้เห็นว่า สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin (BTC) สกุลเงินคริปโตตัวแรกของโลก หรือ Bitcoin Dominance ทะลุระดับ 50% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีเรียบร้อยแล้ว โดย ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้ สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ได้ลดลงมาอยู่ที่ 49.9% แล้ว
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตอย่าง Coingecko ระบุว่า มูลค่ารวมตามราคาตลาด (Market Capitalization) ในปัจจุบันของ Bitcoin อยู่ที่ 523 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามเวลาที่เขียนข่าวนี้ ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ในครั้งนี้จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า สินทรัพย์ชนิดนี้มีมูลค่ารวมตามราคาตลาดคิดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่ารวมตามราคาตลาดของคริปโตทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin เพิ่มขึ้นมากกว่า 10.5% ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการที่นักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจกับ Bitcoin มากขึ้นในฐานะสินทรัพย์หลบภัยหลังจากที่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอย่าง FTX ล่มสลาย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (United States Securities and Exchange Commission: SEC) เริ่มคุมเข้มอุตสาหกรรมสินทรัพย์คริปโตมากขึ้น
กระนั้นก็ดี แม้ว่า Bitcoin จะมีสัดส่วนการครองตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทว่าสัดส่วนการครองตลาดของสกุลเงินคริปโตอันดับ 2 ของโลกอย่าง Ether (ETH) กลับทรงตัวที่ระดับ 20% เป็นส่วนใหญ่ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันนี้ มูลค่ารวมของ Bitcoin และ Ether คิดเป็น 70% ของตลาดคริปโตทั้งหมด
ด้านสาวกบิตคอยน์อย่าง Michael Saylor ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์องค์กรอย่าง MicroStrategy เชื่อว่า สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากแรงกดดันด้านการกำกับดูแลที่เพิ่มขึ้นจาก SEC จะทำให้สกุลเงินคริปโตจำนวนมากและสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin “จากไป”
“ทั้งอุตสาหกรรมได้รับการกำหนดไว้แล้วว่าจะโดนปรับลดให้เป็นเพียงอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นเพียง Bitcoin โดยบางทีอาจเหลือโทเคนที่ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work อื่น ๆ จำนวนครึ่งโหลถึงโหลเดียว” Saylor กล่าว
นอกจากนี้ Saylor ยังระบุอีกว่า การที่อุตสาหกรรมคริปโตขาดแคลน “เงินลงทุนของสถาบันยักษ์ใหญ่” เป็นเพราะ “ความสับสนและความตึงเครียด” ที่เกิดจากสกุลเงินคริปโตสกุลอื่น ๆ จำนวน 25,000 สกุลที่วางตัวเองเป็นสกุลเงินคริปโตทางเลือกนอกเหนือจาก Bitcoin
“Bitcoin เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมนี้” Saylor ระบุเพิ่มเติม ซึ่งคำพูดดังกล่าวของเขาเป็นการย้ำเตือนถึงข้อเท็จจริงที่ว่า Bitcoin เป็นสกุลเงินคริปโตเพียงสกุลเดียวที่ประธาน SEC อย่าง Gary Gensler กล่าวว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ โดย ณ ขณะนี้ สินทรัพย์คริปโตที่ SEC มองว่าเป็นหลักทรัพย์มีจำนวนทั้งหมด 68 สกุล
ข้อมูลดัชนีราคาของสำนักข่าวคริปโตอย่าง Cointelegraph ชี้ว่า ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้ Bitcoin มีราคาอยู่ที่ 26,942 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.06% ในช่วง 1 วันที่ผ่านมา โดยในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ทั้ง ๆ ที่ความหวาดกลัวในตลาดคริปโตขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
โดยบริษัทวิจัยคริปโตอย่าง Santiment ระบุว่า การที่บริษัทจัดการการลงทุนสัญชาติอเมริกันอย่าง Blackrock ได้ยื่นขอจดทะเบียนกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Exchange-Traded Fund: ETF) สำหรับ Bitcoin แบบ Spot เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลัก ๆ ของพฤติกรรมราคาของ Bitcoin ที่สูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา