บิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งหลังสามารถคงอยู่เหนือระดับ 28,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ท่ามกลางกระแสข่าวลือเกี่ยวกับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต Binance และผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มอย่าง CZ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ BTC เริ่มเคลื่อนไหวโดยที่มีความสัมพันธ์กับตลาดการเงินแบบดั้งเดิมน้อยลงแล้วหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (U.S. Federal Reserve: Fed) ได้ตัดสินใจที่จะจัดหาสภาพคล่องฉุกเฉินให้กับธนาคาร โดยท่าทีดังกล่าวนั้นได้ทำให้ทิศทางของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นักลงทุนจึงต้องมองหาหลุมหลบภัยที่ปลอดภัยจากแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 

บิตคอยน์ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินแบบดั้งเดิมสักเท่าไร ซึ่งเห็นได้จากการที่มูลค่าของสินทรัพย์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 70% นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2023 ในทางกลับกัน เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีดิ่งลงมาเหลือ 3.50% ซึ่งลดลงจาก 3.70% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากความต้องตราสารหนี้ที่มากขึ้นทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลง ไม่เพียงเท่านั้น เงินกู้ยืมมูลค่ามหาศาล 152.6 พันล้านดอลลาร์จากโปรแกรมกู้ยืมเพื่อคุ้มครองเงินฝากของ Fed ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐด้วย

ข้อมูลจากธนาคาร Bank of America ชี้ว่า สินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนรวมตลาดเงินในสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติกาลที่ 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเครื่องมือการลงทุนเหล่านี้เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนอย่าง Genevieve Roch-Decter ยังเผยอีกว่า นักลงทุนได้ถอนเงินออกจากธนาคารแล้ว 1 ล้านล้านดอลลาร์เนื่องจากกองทุนรวมตลาดเงินให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ทั้งนี้ แม้ว่านักลงทุนหลายคนจะมองว่าสกุลเงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะนำไปสู่วิกฤตเงินฝืดในลำดับต่อไป โดยความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นเพิ่มขึ้นมากหลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมออกมาที่ระดับ 46.3 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2020 ด้าน Jim Bianco นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคจากบริษัทวิจัย Bianco Research ระบุว่า นี่เป็นครั้งที่ 16 แล้วที่ดัชนีดังกล่าวแตะระดับต่ำถึงขนาดนี้นับตั้งแต่ปี 1948 และ 75% ของ 16 ครั้งเหล่านั้นก็ตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนตราสารอนุพันธ์บิตคอยน์กลับไม่สะทกสะท้านจากภาวะตื่นกลัวของตลาด โดยสัญญาซื้อขายบิตคอยน์ล่วงหน้ารายไตรมาสได้รับความนิยมในหมู่วาฬและนักเก็งกำไรแบบ Arbitrage (การทำกำไรโดยซื้อสินทรัพย์จากตลาดหนึ่งไปขายในอีกตลาดหนึ่งในราคาที่สูงกว่า) ซึ่งสัญญาซื้อขายบิตคอยน์ล่วงหน้ามักจะมีการซื้อขายในราคาที่สูงกว่าตลาดซื้อขายแบบ Spot เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าบนตลาดที่อยู่ในสภาพดีจึงควรจะมีการซื้อขายในราคาแบบคำนวณรายปีที่สูงกว่าราคาบิตคอยน์แบบ Spot อยู่ที่ 5-10% 

นับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมเป็นต้นมา ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบปานกลางจนถึงขาลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่นในบิตคอยน์แม้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวใกล้เคียง 28,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า ราคาจะลดลงจริง ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาข้อมูลจากตลาดสัญญาสิทธิล่วงหน้า (Options) ของบิตคอยน์ร่วมด้วยเพื่อศึกษาว่า เหล่าวาฬและผู้สร้างสภาพคล่องมีการประเมินทิศทางราคาอย่างไร