เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 มิถุนายน 2023 ตามเวลาประเทศไทย มูลค่าของบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) ได้ร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve: Fed) ประกาศหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นและตลาดมีความกังวลว่าอุตสาหกรรมคริปโตจะเกิดความปั่นป่วนอีกระลอก
โดยข้อมูลจาก Tradingview เว็บไซต์ดูกราฟมูลค่าสินทรัพย์ต่าง ๆ เผยให้เห็นว่า มูลค่าของบิตคอยน์ลดลง 4% จาก 25,867 ดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 24,819 ดอลลาร์สหรัฐในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น และในระหว่างที่เขียนข่าวนี้มูลค่าของบิตคอยน์ก็มีการขยับกลับมาอยู่ใกล้แนวต้านที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าของบิตคอยน์ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (U.S. Securities and Exchange Commission: SEC) ได้ดำเนินการทางกฎหมายกับสองแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอย่าง Binance และ Coinbase รวมถึงยังมีความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสัญญาณการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed
มูลค่าของบิตคอยน์ลดลงอย่างรวดเร็วประมาณ 3 ชั่วโมงหลังจากที่ Fed ประกาศงดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือนนี้ชั่วคราว ซึ่งเป็นการหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหลังจากที่ปรับขึ้นตลอด 15 เดือนที่ผ่านมาเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม แม้เดิมทีนักลงทุนส่วนใหญ่จะคาดการณ์เหมือนกันว่า Fed จะหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น แต่ถ้อยแถลงของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Open Market Committee: FOMC) ได้บอกเป็นนัยถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
Josh Gilbert นักวิเคราะห์ตลาดของ eToro บริษัทผู้ให้บริการด้านการลงทุน เปิดเผยว่า Jerome Powell ประธาน Fed ได้บอกอย่างชัดเจนว่า นี่เป็นเพียงการหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาเพิ่มเติมให้กับบิตคอยน์ในระยะยาวได้
ด้าน Marcel Pechman นักวิเคราะห์ของสำนักข่าวด้านคริปโตอย่าง Cointelegraph ระบุว่า ข้อมูลสัญญาประเภท Option ของบิตคอยน์แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงของสินทรัพย์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงกฎระเบียบที่เป็นปรปักษ์ต่ออุตสาหกรรมคริปโตบนผืนแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา และความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนต่อ ๆ ไป