เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา Laurence Fink ผู้บริหารสูงสุดของ BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวในงานประชุมบริการทางการเงินของธนาคาร Deutsche Bank ว่า เขาคาดว่า ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve: Fed) จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกอย่างน้อยสองครั้ง เนื่องจากเขาไม่เห็นหลักฐานที่บ่งบอกว่าภาวะเงินเฟ้อนั้นลดลงไปเลย
นอกจากนี้ Fink ยังได้ระบุว่า ประเด็นเกี่ยวกับ “เพดานหนี้” ของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมานั้นได้ทำให้ความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐลดน้อยลง ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นจะกลายเป็นลมหนุน (Tailwind) ที่ดันมูลค่าของบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC)
ความคิดเห็นของ Fink เกิดขึ้นหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. House of Representatives) ได้มีมติผ่านร่างกฎหมายปรับเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือ การส่งไม้ต่อให้วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาพูดคุยกัน โดยคาดว่าอาจจะใช้เวลา 2-3 วัน และสหรัฐอเมริกามีเส้นตายสำหรับการเพิ่มเพดานหนี้ในวันที่ 5 มิถุนายน 2023 นี้ มิฉะนั้นก็จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ได้
สาวกบิตคอยน์และนักลงทุนคริปโตจำนวนมากมองว่า บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันภาวะเงินเฟ้อและความกลัวเกี่ยวกับหนี้สินที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งจะเพิ่มอุปทานทางการเงินโดยรวม โดย Josh Gilbert นักวิเคราะห์ตลาดจาก eToro แพลตฟอร์มด้านการลงทุนเปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกาทำให้บิตคอยน์กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากอาจแสวงหาสินทรัพย์หลบภัย (Safe Haven) ที่มีอุปทานจำกัดที่อยู่นอกข้อจำกัดของระบบทางการเงินในปัจจุบัน
ยิ่งไปกว่านั้น Gilbert ยังได้กล่าวว่า แม้ว่าวิกฤตการธนาคารและเพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกาจะแสดงให้เห็นประโยชน์ที่แท้จริงของบิตคอยน์ แต่นักลงทุนที่หวังว่าเหตุการณ์ในขณะนี้จะทำให้บิตคอยน์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นควรลดความหวังของพวกเขาลง
ในทำนองเดียวกัน Matteo Greco นักวิเคราะห์การวิจัยของบริษัทการลงทุน Fineqia International ก็ได้เปิดเผยว่า แรงกดดันต่อราคาของบิตคอยน์ในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นจากความกลัวของนักลงทุนเกี่ยวกับการที่สหรัฐอเมริกาอาจจะเป็นหนี้สูงจนไปแตะเพดานหนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อ Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น นักลงทุนก็จะนำเงินออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเยอะ เช่น คริปโต เป็นเรื่องธรรมดา
หากความกังวลของ Fink เกิดขึ้นจริง บิตคอยน์อาจจะมีการเคลื่อนไหวทางราคาไปในทิศทางที่ต่ำลงไปอีกจากปัจจุบัน แต่ในทางตรงข้าม หาก Fed หยุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวในเดือนมิถุนายน นักลงทุนสามารถคาดการณ์ได้ว่า ราคาของบิตคอยน์อาจเป็นไปในเชิงบวก