เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา Tom Dunleavy นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยบล็อกเชนอย่าง Messari ได้โพสต์ Twitter เผยข้อมูลว่า บริษัทขุดบิตคอยน์มหาชน 10 แห่ง ได้แก่ Core Scientific, Riot, Bitfarms, Cleans Park, Marathon, Hut8, HIVE, Iris Energy, Argo และ Bit Digital ได้ขุดบิตคอยน์ไป 40,700 BTC และขายไป 40,300 BTC ระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 30 พฤศจิกายนในปีนี้ ซึ่ง Dunleavy มองว่า การขายบิตคอยน์เกือบ 100% จากที่ขุดมาได้นี้เป็นแรงกดราคาเหรียญให้ต่ำลง

อย่างไรก็ตาม คนในวงการคริปโตบางคน เช่น Arthur Hayes อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอย่าง BitMEX มองว่า การขายบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นโดยนักขุดนั้นมีแรงกดดันต่อราคาบิตคอยน์เล็กน้อยมาก โดยเขากล่าวว่า ต่อให้นักขุดจะขายบิตคอยน์ที่ขุดมาได้ทั้งหมดในแต่ละวัน ตลาดก็คงจะแทบไม่ได้รับผลกระทบอะไร

ซึ่งความเห็นของ Hayes ก็ดูเหมือนจะเป็นความจริง เนื่องจากเว็บไซต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบิตคอยน์อย่าง Bitcoin Visuals เผยข้อมูลว่า ปริมาณซื้อขายบิตคอยน์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 นั้นอยู่ที่ 12.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ CryptoQuant เว็บไซต์วิเคราะห์คริปโต เผยว่า ปริมาณการขายบิตคอยน์ของนักขุดในวันเดียวกันอยู่ที่ 919 BTC หรือราว ๆ 15.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 0.13% เท่านั้นของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด 

ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา นักขุดคริปโตต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟที่สูง ราคาคริปโตที่ร่วงลง และความยากในการขุดที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทอย่าง Core Scientific ก็จำเป็นต้องขายบิตคอยน์สำรองของตนในราคาที่ขาดทุนเพื่อนำเงินมาต่อชีวิตของบริษัทต่อไป อีกทั้งบริษัทขุดคริปโตต่าง ๆ ก็มีบิตคอยน์สำรองลดลงไปมากด้วยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนที่ตลาดได้รับแรงกระทบจากการล้มลงของ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตยักษ์ใหญ่ แต่ในเดือนธันวาคม ปริมาณบิตคอยน์สำรองของบริษัทขุดคริปโตก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว โดยเพิ่มขึ้นมาเกือบ 1% ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่า บริษัทเหล่านั้นเริ่มกลับมาตั้งตัวได้แล้ว