ชาวไนจีเรียหันมาใช้สกุลเงินคริปโตมากขึ้น ปริมาณซื้อขายเป็นรองแค่สหรัฐ แม้ธนาคารกลางไนจีเรียจะออกกฎห้ามใช้งาน

การนำสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาใช้ของชาวไนจีเรียยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีมาตรการปราบปรามภายในประเทศก็ตาม โดยมีปริมาณการซื้อขาย Bitcoin แบบ P2P (Peer-to-Peer) สูงเป็นอันดับสองของโลกในเดือนที่ผ่านมา

การซื้อขาย Bitcoin แบบ P2P ด้วยสกุลเงินไนราไนจีเรีย (Nigerian Naira : NGN) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2021 แหล่งข้อมูลระบุว่าปริมาณการซื้อขาย Bitcoin แบบ P2P ของประเทศไนจีเรียเป็นรองแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น 

เนื่องจากการใช้ Bitcoin ในประเทศไนจีเรียที่เพิ่มขึ้น พื้นที่แถบแอฟริกาใต้สะฮารา (Sub-Saharan Africa Region) ได้กลายมาเป็นผู้นำด้านการซื้อขาย Bitcoin แบบ P2P โดยมีปริมาณการซื้อขายรายสัปดาห์ที่ 18.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าทวีปอเมริกาเหนือที่มีปริมาณการซื้อขาย 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

วิกฤตด้านการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศไนจีเรีย เช่น การถูกคุกคามทางสังคม การควบคุมสกุลเงิน และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นล้วนมีส่วนกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศยอมรับเงินคริปโตมากขึ้น

ความตึงเครียดในประเทศไนจีเรียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม หลังจากที่เกิดการประท้วงต่อต้านความรุนแรงของตำรวจและหน่วย “Sars”

กลุ่มผู้ต่อต้านที่ใช้ชื่อว่า “EndSars” เห็นว่ามีผู้เข้าร่วมประท้วงถูกทำร้ายร่างกายด้วยแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 50 รายในวันที่ 20 ตุลาคม ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิต 50 รายนั้น มีผู้เข้าร่วมประท้วงบางส่วนที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วยกระสุนจริง

การปราบปรามของรัฐบาลส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน เนื่องจากบัญชีขององค์กรทางสังคมที่ออกมาสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงโดยการแจกจ่ายอาหารและให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ถูกระงับการใช้งาน ดังนั้น กลุ่มผู้ประท้วงจึงหันไปใช้สกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐบาลในการทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ

 

ภาพจาก theguardian.com