Brad Garlinghouse ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ripple Labs Inc. บริษัทด้านการชำระเงินด้วยคริปโต ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (United States Securities and Exchange Commission: SEC) ผ่าน “การบังคับใช้กฎหมาย” ไม่ใช่ “วิธีการที่ดี” ในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต อีกทั้งยังอาจส่งผลให้สหรัฐฯ กลายเป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดน้อยลงสำหรับบริษัทในภาคส่วนคริปโตด้วย

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา Garlinghouse ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า แนวทางการกำกับดูแลของ SEC ลดโอกาสของสหรัฐฯ ที่จะก้าวเป็นศูนย์กลางที่น่าดึงดูดสำหรับวิวัฒนาการในยุคถัดไปของนวัตกรรมด้านคริปโตและบล็อกเชน

โดย Garlinghouse กล่าวถึงคดีความระหว่างบริษัทของตนกับ SEC ว่า SEC เพียงแค่กำลัง “พุ่งโจมตี” อุตสาหกรรมคริปโตในภาพรวม ซึ่งถ้าหากว่า พวกเขาสามารถเอาชนะคดีความดังกล่าวได้ พวกเขาก็จะเดินหน้าฟ้องร้องบริษัทอื่น ๆ อีกมากมายในอุตสาหกรรมคริปโต

Garlinghouse กล่าวว่า อุตสาหกรรมคริปโตได้เริ่มย้ายฐานการดำเนินงานออกจากสหรัฐฯ แล้ว ด้วยเหตุที่กระบวนการกำกับดูแลคริปโตของสหรัฐฯ ก้าวไม่ทันประเทศอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น “ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์”

ยิ่งไปกว่านั้น Garlinghouse ยังกล่าวชื่นชมประเทศเหล่านี้ด้วย โดยระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลของพวกเขาได้ใช้เวลาและความคิดอย่างถี่ถ้วนในการสร้าง “กฎเกณฑ์ที่ชัดเจน” ขณะที่แนวทางที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ใช้นั้นไม่ใช่ “วิธีการที่ดีในการกำกับดูแลอุตสาหกรรม” 

Garlinghouse ระบุว่า ครั้งแรกที่ตนเข้ามาสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปลายยุค 90 มีการร่างกฎหมายแบนการใช้อินเทอร์เน็ตหลายฉบับเพื่อปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย ทว่าในท้ายที่สุดผู้มีอำนาจของสหรัฐฯ ก็ไม่เห็นด้วยกับท่าทีดังกล่าวและเปลี่ยนไปสร้าง “กรอบกำกับดูแล” แทน

Garlinghouse ย้ำว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับการใช้อินเทอร์เน็ตตั้งแต่เนิ่น ๆ นำไปสู่ผลประโยชน์ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากผลที่ตามมาคือ บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Amazon และ Google ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ พร้อมทั้งเสริมว่า สหรัฐฯ กำลังมีโอกาสที่คล้ายกันนี้ด้วยการสร้างกรอบกำกับดูแลการดำเนินงานสำหรับคริปโต


โดย Garlinghouse เชื่อว่า กระบวนการของกรอบกำกับดูแลควรจะเริ่มต้นด้วยการร่าง “กฎคุ้มครองดูแลที่ชัดเจนสำหรับผู้บริโภค” ซึ่งเขาเสริมว่า ปัจจุบันนี้ ผู้บริโภคในอุตสาหกรรมคริปโตกำลังได้รับผลกระทบจากความล่าช้า เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองดูแลในแบบเดียวกับที่มีอยู่ในกรอบกำกับดูแลสำหรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ