CK Zheng อดีตหัวหน้าฝ่ายการประเมินความเสี่ยงของธนาคารการลงทุนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Credit Suisse ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน Hedge Fund คริปโตที่ชื่อว่า ZX Squared Capital ได้ออกมาเผยถึงกรณีการล้มของ FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตยักษ์ใหญ่ที่เคยมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจาก Binance และ Coinbase ว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวจะเป็นแพลตฟอร์มใหญ่รายสุดท้ายที่จะพังทลายในวัฏจักรตลาดครั้งนี้

โดย Zheng ได้อธิบายว่า การล้มลงของ FTX ครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลด Leverage (การยืมสินทรัพย์มาลงทุนเพิ่มเพื่อทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคต) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นหลังจากเกิดโรคระบาด COVID-19 และรุนแรงขึ้นหลังจากระบบนิเวศ Terra ล่มสลาย พร้อมทั้งกล่าวว่า “ผมมั่นใจว่ามีคนในวงการหลายคนที่อาจได้รับผลกระทบ…ในสัปดาห์ต่อ ๆ มา ทั้งบริษัทขนาดเล็กและใหญ่ แต่ผมอยากบอกว่า การพังครั้งนี้เมื่อเทียบในแง่ของขนาดบริษัทแล้ว จะเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ที่พังทลายก่อนวัฏจักรจะจบลงจริง ๆ”

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา หลายบริษัทด้านคริปโตก็ได้รับผลกระทบจากการพังทลายของ FTX กันหลายราย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอย่าง BlockFi ก็เพิ่งออกมายอมรับว่า มีเอี่ยวการลงทุนในแพลตฟอร์ม FTX และบริษัทในเครือเป็น “จำนวนมาก” ซึ่งทางสำนักข่าว Wall Street Journal ได้รายงานว่า BlockFi เตรียมที่จะปลดพนักงานและยื่นล้มละลายแล้ว 

นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโตอย่าง SALT แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตสัญชาติญี่ปุ่น Liquid ที่ได้ประกาศระงับการฝาก-ถอนไปแล้วเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีเอี่ยวการลงทุน FTX รวมถึง แพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโตระดับสถาบันอย่าง Genesis Global ที่ได้ประกาศระงับการถอนชั่วคราว โดยอ้างว่า ตลาดมีความปั่นป่วน ซึ่ง Zheng ได้เผยถึงกรณีเหล่านี้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณปกติของภาวะขาลงที่รุนแรงและยาวนานของตลาดคริปโต โดย “ปกติแล้วจะมีคนในวงการที่อ่อนแอหลายคนถูกกวาดล้างไป”

ถึงกระนั้น Zheng ยังได้เผยถึงด้านดีในเหตุการณ์นี้ โดยระบุว่า การพังทลายของ FTX ดูเหมือนจะไม่ได้ไปสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนระดับสถาบัน อย่างน้อยก็กลุ่มสถาบันที่ลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโตที่มั่นคงอย่าง Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) 

อีกทั้ง Zheng ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีการพังทลายของ FTX อีกว่า ความเสียหายต่อระบบนิเวศคริปโตที่เกิดขึ้นจากชายหนุ่มอายุ 30 ปีที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Massachusetts Institute of Technology นั้น “ช่างน่ากลัวเกินจินตนาการ” และได้ชี้เหตุของการล่มสลายนี้ว่าอาจเป็นเพราะการขาดกฎและข้อกำหนดการกำกับดูแลแพลตฟอร์มคริปโต รวมถึงโครงสร้างการบริหารบริษัทที่มีผู้บริหารมากเกินไปและไม่มีความรู้ความสามารถมากพอที่จะบริหารบริษัทที่มีขนาดใหญ่ 

“เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขาฉลาดเพียงด้านเดียว แต่พวกเขามาบริหารบริษัทที่มีมูลค่ากว่า 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมันแตกต่างกับการบริหารบริษัทเล็ก ๆ” Zheng ระบุ