เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา CoinShares บริษัทด้านการลงทุนในสกุลเงินคริปโตในยุโรปได้เผยแพร่ “รายงานกระแสกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Flows Report)” รายสัปดาห์ฉบับล่าสุดออกมา

โดยรายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์การลงทุนด้านสกุลเงินคริปโตประสบกับกระแสเงินไหลออก 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ในช่วงตลอด 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์การลงทุนคริปโตมีกระแสเงินไหลออกรวมทั้งหมดราว ๆ 417 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

นักวิเคราะห์จาก CoinShares ระบุว่า เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้มาจากการคำนึงถึงนโยบายการเงินต่าง ๆ เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่า จะมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงระมัดระวังอยู่

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์การลงทุน Bitcoin (BTC) ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุด มีกระแสเงินไหลออกรวมทั้งหมด 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin มีกระแสเงินไหลออกรวมทั้งหมด 254 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1.2% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (Assets Under Managment: AUM)

ด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน Ether (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง มีกระแสเงินไหลออกถึง 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นปริมาณเงินไหลออกรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์การอัปเกรดเครือข่ายบล็อกเชน Ethereum อย่าง The Merge เมื่อเดือนกันยายนปี 2022 เลยทีเดียว

ด้านสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin และ Ether ก็มีทั้งกระแสเงินไหลเข้าและออก โดย Altcoin อย่าง Litecoin (LTC), Solana (SOL) และ XRP มีกระแสเงินไหลเข้าเล็กน้อย ขณะที่ Polygon (MATIC) มีกระแสเงินไหลออกเช่นเดียวกับ Bitcoin และ Ether

นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือ รายงานดังกล่าวระบุว่า กระแสเงินไหลออกกว่า 87% ส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในพื้นที่เดียว ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบในระดับภูมิภาค โดยกระแสเงินไหลออกเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากทวีปอเมริกาเหนือ ในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์มีกระแสเงินไหลเข้าเพียงเล็กน้อยที่ 9.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกัน เยอรมนีมีกระแสเงินไหลออก 9.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้จะมีแรงกดดันด้านกฎระเบียบและความกังวลเกี่ยวกับภาคส่วนสกุลเงินคริปโต แต่ตลาดคริปโตก็แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นเป็นพิเศษจากการที่สามารถรักษามูลค่าตามราคาตลาดไว้ที่ราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของ Altcoin ยังบอกเป็นนัยว่า นักลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์คริปโตอื่น ๆ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการที่สินทรัพย์คริปโตบางตัวที่หน่วยงานกำกับดูแลถือว่าเป็นหลักทรัพย์กำลังถูกปราบปรามก็ตาม