ชุมชนคริปโตยังคงเดินหน้าเสาะแสวงหาวิธีเชื่อมต่อโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับสกุลเงินคริปโตด้วยเครื่องมือการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้แพลตฟอร์มสำหรับการแปลงเงินตราเป็นคริปโต (On-Ramp) นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม รายงานชิ้นใหม่ที่จัดทำโดยทีมวิจัยของสำนักข่าวสายคริปโตอย่าง Cointelegraph และผู้ให้บริการด้านคริปโตอย่าง Onramper กลับบ่งชี้ว่า ธุรกรรมการแปลงเงินตราเป็นคริปโต 50% นั้นไม่ประสบผลสำเร็จแม้ว่าผู้ใช้จะได้รับการพิสูจน์ตัวตนผ่านกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) ของแพลตฟอร์มแล้วก็ตาม นอกจากนี้ รายงานชิ้นดังกล่าวยังชี้ให้เห็นอีกว่า อัตราการละทิ้งธุรกรรมในระหว่างการซื้อคริปโตมีสูงถึง 90% เนื่องจากกระบวนการทำธุรกรรมนั้นมีความยุ่งยาก

รายงานชิ้นดังกล่าวได้ศึกษาข้อมูลจากแพลตฟอร์มสำหรับการแปลงเงินตราเป็นคริปโตรายใหญ่จำนวน 9 แห่ง เช่น Coinify, MoonPay, Wyre, Transak และอื่น ๆ โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า อัตราความสำเร็จของธุรกรรมบนแพลตฟอร์มเหล่านี้แตกต่างกันอย่างมากโดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ

หนึ่งในปัจจัยเหล่านั้นคือ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้ โดยรายงานชิ้นดังกล่าวพบว่า ยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีอัตราธุรกรรมประสบความสำเร็จมากที่สุดที่ 51% ขณะที่แอฟริกาและอเมริกาใต้นั้นเป็นภูมิภาคที่มีอัตราธุรกรรมคริปโตประสบความสำเร็จน้อยที่สุดที่ 8% และ 21% ตามลำดับ

ในทำนองเดียวกัน รายงานชิ้นดังกล่าวยังระบุอีกว่า ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มสำหรับแปลงเงินตราเป็นคริปโตประกอบด้วยวิธีการชำระเงิน สกุลเงินตราที่ใช้ซื้อคริปโต รวมถึงคู่เงินสำหรับการซื้อขายด้วย ซึ่งการโอนเงินผ่านธนาคารนั้นเป็นวิธีการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพที่สุด เนื่องจากมีอัตราความสำเร็จในการทำธุรกรรมคริปโตเกือบจะ 100% เลยทีเดียว

นอกจากปัจจัยที่กล่าวไปแล้ว มูลค่าของธุรกรรมก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำธุรกรรมด้วยเช่นกัน โดยรายงานชิ้นดังกล่าวระบุว่า ธุรกรรมที่มีมูลค่าระหว่าง 0-26 ดอลลาร์สหรัฐนั้นมีอัตราการอนุมัติธุรกรรมอยู่ที่ 66% ขณะที่ธุรกรรมคริปโตที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5,000 ดอลลาร์ขึ้นไปมักจะมีอัตราการอนุมัติธุรกรรมอยู่ที่ 19% เพียงเท่านั้น