งานประชุม Bitcoin 2023 ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำพาสาวกและผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินคริปโตจากทั่วโลกเข้ามาพบปะและพูดคุยกัน โดย Dan Held สาวกบิตคอยน์และผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Trust Machines บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้เข้าร่วมงานนี้และได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวด้านคริปโตอย่าง Cointelegraph เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ของบิตคอยน์ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนบิตคอยน์ เครือข่ายบล็อกเชน Layer-2 และศักยภาพของบิตคอยน์ในฐานะช่องทางการชำระเงิน

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ Held ได้พูดถึงก็คงจะหนีไม่พ้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นบนบล็อกเชนบิตคอยน์ โดยเขากล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากความต้องการในการใช้พื้นที่บล็อกบนบล็อกเชนบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก Bitcoin Ordinals ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Non-Fungible Token (NFT) ของบล็อกเชนบิตคอยน์และมาตรฐานโทเคน BRC-20 เกิดขึ้นมา “นี่เป็นเรื่องดีสำหรับบิตคอยน์เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาต้นแบบด้านความปลอดภัยระยะยาวของเครือข่ายได้” Held กล่าว พร้อมทั้งยังเสริมอีกว่า “ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับนักพัฒนาในการมองหาวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างและเริ่มวางแผนรับมือกับสิ่งดังกล่าว”

เมื่อถูกถามว่า บิตคอยน์จะสามารถเปลี่ยนจากวิธีการชำระเงินไปเป็นเครือข่ายการชำระเงินได้หรือไม่ Held ระบุว่า Nic Carter หุ้นส่วนของบริษัทธุรกิจเงินร่วมลงทุนอย่าง Castle Island Ventures เคยเขียนและนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วที่งานประชุมด้านบล็อกเชนอย่าง MIT Bitcoin Expo ในปี 2018

โดย Held เปรียบเทียบเครือข่ายบิตคอยน์เป็นเรือบรรทุกสินค้า และธุรกรรมในเครือข่ายเป็นตู้ขนสินค้า เขาอธิบายว่า เรือบรรทุกสินค้ามีธุรกรรมหรือตู้ขนสินค้าจำนวนมากอยู่ข้างบน และเรือบรรทุกสินค้าจะเป็นเครือข่ายบล็อกเชน Layer-1 (L1) พร้อมกับเสริมว่า “ตู้ขนธุรกรรมเปรียบได้กับธุรกรรมของเครือข่ายบล็อกเชน Layer-2 (L2) ขนาดเล็กที่ถูกบรรจุและนำมารวมกันในธุรกรรมของ L1 หนึ่งธุรกรรม นั่นคือวิธีที่ Lightning Network ทำงานถูกไหมครับ” ซึ่งบอกเป็นนัยว่า เครือข่าย L2 ต่าง ๆ เช่น Lightning จะมีหน้าที่ส่งธุรกรรมจำนวนมาก จึงช่วยลดภาระของ L1 ได้

นอกจากนี้ Held ยังระบุด้วยว่า “มีการคาดการณ์โดยสิ้นเชิงว่า บิตคอยน์บน L1 จะเป็นพื้นที่สำหรับการชำระเงินที่มีมูลค่ามหาศาลเพียงเท่านั้น และค่าธรรมเนียมธุรกรรมบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นมากกว่าในปัจจุบันเป็นอย่างมาก” พร้อมกันนี้ เขายังได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการยอมรับเครือข่าย Layer ต่าง ๆ บนบล็อกเชนบิตคอยน์และการไม่ยึดติดกับเครือข่ายแยกเครือข่ายเดียว เช่น Lightning

Held ระบุว่า Lightning เป็นเครือข่าย L2 ที่ดี แต่หลายคนมักจะหมกมุ่นอยู่กับมันอย่างเดียว และสาวกบิตคอยน์หลายคนในรายการพอดแคสต์ก็มักจะทำราวกับว่า Lightning เป็นเครือข่าย L2 บนบล็อกเชนบิตคอยน์ที่ดีที่สุด กระนั้นก็ดี Held แย้งว่า ยังมีเครือข่าย L2 บนบล็อกเชนบิตคอยน์อื่น ๆ อีกที่ใช้ได้เหมือนกัน เช่น Liquid, Rootstock และ Stacks โดยเขาอยากให้สาวกคริปโตเปิดใจให้กับเครือข่าย L2 เหล่านี้ และไม่ต่อว่านักพัฒนาที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายอื่น ๆ นอกเหนือจาก Lightning