เมื่อเร็ว ๆ นี้ Daniel Fogg ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ IOV Labs ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแล Rootstock แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ได้ออกมาพูดคุยเกี่ยวกับการใช้งานสกุลเงินคริปโตในวงกว้าง แนวคิดการนำบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) ไปใช้ในทางปฏิบัติ และวิธีที่ประเทศตลาดเกิดใหม่กำลังหล่อหลอมอนาคตของอุตสาหกรรมคริปโต ณ งานประชุม Bitcoin Builders Conference ประจำปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

Fogg ระบุว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่กำลังนำหน้าสหรัฐอเมริกาและยุโรปในเรื่องของการนำสกุลเงินคริปโตไปใช้งานในวงกว้าง เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีปัญหาด้านเศรษฐกิจระดับมหภาค โดยเขาเชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ หลาย ๆ คนในประเทศตลาดเกิดใหม่จะมีประสบการณ์ด้านธนาคารดิจิทัลอันน่าประทับใจเป็นครั้งแรกบนแพลตฟอร์มคริปโต

นอกจากนี้ เขายังระบุอีกว่า ประชาชนทั่วไปจำเป็นต้องคุ้มครองรายได้ของพวกเขาอย่างเร่งด่วนและเข้าถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อกู้ยืมเงิน ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงกำลังเกิดขึ้น ซึ่งเขาเชื่อว่า อนาคตของอุตสาหกรรมคริปโตคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ในอาร์เจนตินา ตุรกี โคลอมเบีย และไนจีเรีย แต่ยังไม่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาหรือสหราชอาณาจักร

Fogg ระบุต่อไปว่า การเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) จะแยกออกเป็น 2 ประเภทในอนาคต ได้แก่ DeFi ขั้นสูงและ DeFi แบบธรรมดา โดยเขาเชื่อว่า DeFi ขั้นสูงจะเป็นการใช้งานที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่ DeFi แบบธรรมดาจะเป็นการใช้งานที่เกิดขึ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่ต่าง ๆ

ไม่เพียงเท่านั้น Fogg ยังเชื่ออีกว่า วงการคริปโตกำลังวิวัฒนาการผ่านกรณีการใช้งานที่สำคัญ 2 ประการ ประการแรกเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ DeFi ต่าง ๆ สำหรับประชาชนที่ต้องการรับผลตอบแทนจากการลงทุนมหาศาลและโอกาสการลงทุนทางเลือก ประการที่สองเกี่ยวข้องกับการที่ประชาชนจะนำสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin ที่หนุนหลังด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไปใช้ในการออมและชำระเงินในชีวิตประจำวันของพวกเขาในประเทศที่มีวิกฤตเงินเฟ้อ ค่าเงินเสื่อมมูลค่า หรือปัญหาทางการเงินอื่น ๆ

พร้อมกันนี้ Fogg ยังได้กล่าวถึงแนวคิดการใช้บิตคอยน์ในทางปฏิบัติด้วย โดยเขาระบุว่า ถึงแม้ว่าบิตคอยน์จะเป็นสินทรัพย์ที่มีความโดดเด่นมาก แต่การใช้งานสินทรัพย์ตัวนี้เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอสำหรับประชาชนทั่วไป Fogg ระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมคริปโตยังไม่มีกรณีการใช้งานที่ผู้ใช้หลายพันล้านคนทั่วโลกยอมรับ และเราอาจจะต้องรออีกหลายปีถึงจะเดินไปถึงจุดนั้นได้

“มีกรณีการใช้งานคริปโตอื่น ๆ อีกมากมาย เราจึงต้องทดลองไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดนั้น และถ้าเรามัวแต่ไปยึดติดกับแนวคิดแบบเดิม ๆ เกี่ยวกับศักยภาพของบิตคอยน์ ผมคิดว่า นั่นแหละจะเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อโลก” Fogg กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวคริปโต Cointelegraph