ล่าสุดผู้บริหารหลายคนในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลได้ออกมาให้ความเห็นตรงกันว่า ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกกำลังทำให้พนักงานบางคนเปิดใจยอมรับค่าแรงที่จ่ายผ่านสกุลเงินคริปโต เช่น Bitcoin (BTC) เพิ่มมากขึ้นแล้ว และสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin อย่าง USD Coin (USDC) ก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษด้วย

ค่าตอบแทนที่จ่ายผ่านสกุลเงินคริปโต Stablecoin ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีให้หลังนี้ โดย Michael Brooks ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ goLance แพลตฟอร์มจัดหางานสำหรับแรงงานอิสระ ระบุว่า แนวโน้มดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นผลมาจากการที่บรรดานักกีฬาและนักการเมืองผู้ทรงเกียรติทั้งหลายรายหันไปรับค่าตอบแทนผ่านสกุลเงินคริปโตเท่านั้น แต่ยังเป็นผลมาจากความเต็มใจของประชาชนทั่วไปที่ต้องการจะหาทางสู้กับความไม่แน่นอนทุกรูปแบบด้วย 

Brooks เชื่อว่า สภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้การจ่ายค่าตอบแทนผ่านสกุลเงินคริปโตเพิ่มสูงขึ้น โดยเขาระบุว่า “บางพื้นที่ที่กำลังประสบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง วิกฤตเงินเฟ้อขั้นรุนแรง และระบบการเงินที่มีข้อจำกัดอยู่มาก มีอัตราการใช้สกุลเงินคริปโตเพิ่มขึ้นในฐานะช่องทางที่เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการทำธุรกรรม”

ทั้งนี้ นอกจากสภาวะเศรษฐกิจแล้ว Brooks ยังระบุอีกว่า การจ่ายค่าตอบแทนผ่านสกุลเงินคริปโตที่เพิ่มขึ้นนั้นยังได้รับอานิสงส์จากการยอมรับสกุลเงินคริปโตที่เพิ่มขึ้นในฐานะทางเลือกการชำระเงินที่ชอบธรรมรูปแบบหนึ่ง การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงการให้ความรู้ที่เพิ่มขึ้นด้วย

Brooks เปิดเผยว่า ในปี 2021 ที่ผ่านมา goLance มีอัตราการจ่ายค่าตอบแทนผ่านสกุลเงินคริปโตอยู่ที่น้อยกว่า 5% ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10% ในปี 2022 โดยเขาคาดการณ์ว่า สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 17% ในปีนี้ “จากข้อมูลพนักงานอิสระบน goLance ที่เลือกรับค่าตอบแทนผ่านคริปโต การชำระค่าตอบแทนโดยเฉลี่ย 17.5% เกิดขึ้นผ่านคริปโต และ 82.5% เกิดขึ้นผ่านเงินตรา” Brooks เผยกับสำนักข่าวด้านคริปโต Cointelegraph

ในทำนองเดียวกัน Dan Westgarth ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Deel แพลตฟอร์มการทำบัญชีเงินเดือนและจัดสรรทรัพยากรบุคคล ระบุว่า พนักงานหลายคนทั่วโลกเริ่มรับค่าตอบแทนผ่านสกุลเงินคริปโตแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ทำให้ค่าเงินของสกุลเงินตราในประเทศของพวกเขาประสบกับความผันผวนที่รุนแรง จึงทำให้ USDC กลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดมากขึ้น

Westgarth ระบุว่า “เราพบว่า ประเทศที่กำลังประจันหน้ากับความวุ่นวายด้านสกุลเงินและการเมืองมากขึ้นจะยังคงใช้คริปโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถอนเงินโดยใช้ USDC เพื่อสู้กับความผันผวน” นอกจากนี้ เขายังเผยว่า ภูมิภาคแคริบเบียนนำเสนอกรณีการใช้งานในการจ่ายเงินเดือนผ่านสกุลเงินคริปโต เนื่องจากมีระบบธนาคารที่ไม่ทันสมัย ซึ่งสกุลเงินคริปโตช่วยให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงระยะเวลาการทำธุรกรรมที่ยาวนาน การชำระเงินที่ล่าช้า และค่าธรรมเนียมการถอนเงินออกจากธนาคารได้

ยิ่งไปกว่านั้น Westgarth ยังเผยอีกว่า ในบรรดาภูมิภาคที่ Deel รองรับการจ่ายค่าตอบแทนผ่านสกุลเงินคริปโต ภูมิภาคลาตินอเมริกามีสัดส่วนการถอนเงินผ่านคริปโตมากที่สุด โดยคิดเป็น 54% ของการถอนเงินผ่านคริปโตบนแพลตฟอร์มในระหว่างเดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคมปีนี้