เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน ได้เผยแพร่รายงานอาชญากรรมด้านคริปโตกลางปี (Mid Year Crypto Crime) โดยระบุว่า ปี 2023 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่จำนวนเงินจากการหลอกลวงลดลง

โดยรายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า จำนวนเงินจากการหลอกลวงผ่านคริปโตลดลงถึง 77% จาก 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเหลือเพียง 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวยังได้เผยว่า วิธีการขโมยเงินโดยการเรียกค่าไถ่ (Ransom Attack) กำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยมิจฉาชีพสามารถกวาดเงินไปได้มากกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปี 2022 ถึง 62.4% เลยทีเดียว

Chainalysis ตั้งข้อสังเกตว่า หากอิงตามข้อมูลในอดีต จำนวนเงินจากการหลอกลวงจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากความคึกคักของตลาดและ “ความกลัวตกขบวน (Fear Of Missing Out: FOMO)” อาจทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะหลงกลต่อเหล่ามิจฉาชีพมากขึ้น แต่ในปีนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ไม่เพียงเท่านั้น รายงานดังกล่าวยังเผยอีกว่า จำนวนเงินที่ไหลเข้าไปยังองค์กรที่ดำเนินการแบบผิดกฎหมายที่เป็นที่รู้จักต่าง ๆ ยังลดลงถึง 65% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 ด้วยเมื่อเทียบกับกรอบเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนเงินที่ไหลเข้าไปยังแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น แพลตฟอร์มปกปิดธุรกรรมคริปโต (Cryptocurrency Mixer) ก็ได้ลดลงถึง 42% ด้วยเช่นกัน

Kim Grauer ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Chainalysis กล่าวว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงในอดีตอาจมีความ “รอบคอบ” มากขึ้นในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนของพวกเขา และด้วยเหตุนี้ อาจไม่ตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋นอีกต่อไป ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้รายได้จากการหลอกลวงลดลงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนเงินจากการหลอกลวงจะลดลง แต่รายงานของ Chainalysis กลับระบุว่า วิธีการหลอกลวงแบบเรียกค่าไถ่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปี 2023 รายได้จากการขโมยเงินจากนักลงทุนผ่านมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ได้เพิ่มขึ้นถึง 62.4% มาอยู่ที่ 449.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Chainalysis เปิดเผยถึงสาเหตุของแนวโน้มดังกล่าวว่า เป็นเพราะมิจฉาชีพกำลัง “เล็งกินปลาใหญ่” โดยการเพ่งเล็งเป้าหมายไปยังองค์กรขนาดใหญ่ที่มีเงินหนาเพื่อขูดรีดเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากบริษัทที่ยอมจ่ายเงินให้กับพวกเขา

ในเดือนตุลาคม 2021 สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) พบว่า การเรียกค่าไถ่เกิดขึ้นทุก ๆ 11 วินาทีทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้มีมูลค่าความเสียหายรวมทั้งหมด 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 เพียงปีเดียว

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Cybersecurity Ventures หน่วยงานรวบรวมข้อมูลความปลอดภัยทางไซเบอร์คาดการณ์ว่า มัลแวร์เรียกค่าไถ่จะเอาเงินจากเหยื่อไปได้ 265 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายในปี 2031