เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2023 ตามเวลาประเทศไทย dYdX Foundation องค์กรอิสระด้านการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) ไม่แสวงหาผลกำไรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนโพรโทคอลแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange: DEX) อย่าง dYdX ได้เปิดตัวเครือข่ายทดสอบสำหรับเวอร์ชันล่าสุดของแพลตฟอร์มอย่าง v4 แก่สาธารณชน
โดย dYdX Foundation ระบุว่า ความคืบหน้าล่าสุดนี้ทำให้เครือข่ายหลัก v4 ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้เปิดตัวเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทางองค์กรอ้างว่าจะทำให้ dYdX มีความกระจายศูนย์โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ การเปิดตัวดังกล่าวยังถือเป็นหมุดหมายสำคัญลำดับที่ 4 จาก 5 ลำดับที่ dYdX Foundation กำหนดเอาไว้ในแผนการที่จะมุ่งไปสู่การกระจายศูนย์ของ dYdX เมื่อปีที่แล้วด้วย
dYdX เวอร์ชันปัจจุบันยังถือว่ามีการรวมศูนย์อยู่บ้างเป็นบางส่วน ถึงแม้ว่า dYdX จะไม่ได้เก็บสินทรัพย์ของผู้ใช้เอาไว้อย่างแท้จริง ทว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวยังคงใช้สมุดบันทึกคำสั่งซื้อขาย (Order Book) และระบบจับคู่คำสั่งซื้อขาย (Matching System) แบบรวมศูนย์อยู่
กระนั้นก็ตาม ถ้าหากว่า dYdX เวอร์ชันใหม่เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะไม่มีอยู่ในแพลตฟอร์มอีกต่อไป โดย ณ ปัจจุบันนี้ dYdX เคลื่อนย้ายสินทรัพย์มูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และได้ชื่อว่าเป็น DEX ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับสัญญาซื้อขายคริปโตล่วงหน้าแบบไม่มีวันหมดอายุ (Perpetual)
ในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าว Cointelegraph ที่งานประชุม Ethereum Community Conference ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส Charles d’Haussy ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ dYdX Foundation ได้พูดถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การกระจายศูนย์โดยสมบูรณ์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ให้บริการ Perpetual แบบรวมศูนย์
โดย d’Haussy ระบุว่า “ว่ากันตามตรง พวกเขาไม่ใช่คู่แข่งของโพรโทคอล dYdX” พร้อมทั้งกล่าวว่า “ผมคิดว่า พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี พวกเขาส่งเสริมตลาดมาตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่ควรลืมว่า Perpetual สร้างขึ้นโดย BitMex ซึ่งเป็นบริษัทรวมศูนย์”
นอกจากนี้ d’Haussy ยังได้อธิบายถึงสถานะปัจจุบันของอุตสาหกรรมคริปโตว่ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอีกด้วย ซึ่งเขาระบุว่า อุตสาหกรรมคริปโตกำลังมุ่งสู่ “การเปลี่ยนแปลงแบบกระจายศูนย์ครั้งใหญ่” ทั้งนี้ทั้งนั้น d’Haussy กล่าวเพิ่มอีกว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ทำให้องค์กรแบบรวมศูนย์ต้องแข่งกับ DeFi
ในความคิดของ d’Haussy เขาเชื่อว่า อุตสาหกรรมคริปโตยังคงมีพื้นที่ให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange: CEX) สามารถอยู่ร่วมกับ DeFi ได้ รวมถึงยังมีโอกาสสำหรับการร่วมมือกันที่จะส่งผลดีต่อผู้ใช้สกุลเงินคริปโตทั่วไปอีกด้วย
d’Haussy ระบุต่อไปว่า ไม่ว่าจะอีกไม่กี่เดือนหรืออีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาคาดว่า CEX จะทำหน้าที่เป็นทางผ่านเข้าสู่ DEX ของผู้ใช้ “แน่นอนว่า ผมสามารถจินตนาการถึงโลกที่บางทีองค์กรกระจายศูนย์ที่มีการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) และบัญชีความเสี่ยง (Risk Profile) เกี่ยวกับลูกค้า…จะเสนอบริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์แบบ Spot บนแพลตฟอร์มของตน บางทีพวกเขาจะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้าของพวกเขาเมื่อเทียบกับ DeFi ด้วยการผสานและการเชื่อมต่ออย่างง่ายดายมากขึ้นจากแพลตฟอร์มรวมศูนย์ไปยัง DeFi” เขากล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น d’Haussy ยังอธิบายอีกว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร โดยเขาได้ยกตัวอย่างของธนาคารแบบดั้งเดิมที่เสนอบริการหลายอย่างให้แก่ลูกค้า “หากคุณนึกถึงเรื่องดังกล่าวในธนาคารที่คุณใช้บริการในปัจจุบัน ธุรกิจหลักของธนาคารที่คุณใช้บริการคือ การฝากเงิน และธนาคารของคุณก็ขายประกันให้กับคุณ ธนาคารของคุณขายสินเชื่อบ้านให้กับคุณ และธนาคารของคุณยังขายสิ่งอื่น ๆ อีกเพียบให้กับคุณด้วย” เขากล่าว
d’Haussy ระบุว่า รูปแบบดังกล่าวในวงการการเงินเริ่มต้นด้วยธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นรายได้หลัก จากนั้นก็นำเสนอบริการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แก่ลูกค้า โดยเขาระบุว่า ปรากฏการณ์เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อระบบนิเวศคริปโต อีกทั้งจะกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้บริการคริปโตในวิธีที่สะดวกสำหรับพวกเขาด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น d’Haussy ยังระบุด้วยว่า “คนทั่วไปต้องการบริโภคสินค้าผ่านช่องทางที่ไม่เหมือนกัน และถ้าหากว่า คุณสะดวกหรือคุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นกับการที่บริษัทแห่งหนึ่งช่วยเหลือคุณในการจัดการประสบการณ์ทางคริปโตของคุณ และบริษัทดังกล่าวมอบช่องทางการเข้าถึง DeFi ให้กับคุณ ผมคิดว่า นั่นดีมากเลย”