เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2023 ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve: Fed) ได้ประกาศปิดธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตอย่าง Signature Bank ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ “การกระทำขั้นเด็ดขาด” เพื่อปกป้องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากธนาคารดังกล่าวมี “ความเสี่ยงเชิงระบบ” ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากมีการสั่งปิดธนาคารพาณิชย์อย่าง Silicon Valley Bank (SVB) ในวันที่ 10 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ในวันที่ 8 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา Silvergate Bank ธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตอีกแห่งก็ได้ประกาศว่า ทางธนาคารจะปิดตัวลงและชำระบัญชีโดยความสมัครใจ ซึ่งธนาคาร Signature Bank และ Silvergate Bank ถูกมองว่าเป็นเสาหลักด้านการธนาคารที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต โดยเอกสาร 10-K ของ Signature Bank ชี้ให้เห็นว่า ธนาคารมีเงินฝาก 88.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022

Scott Melker นักลงทุนคริปโตหรือที่รู้จักกันในชื่อ The Wolf Of All Streets ก็เชื่อเหมือนกับนักลงทุนคนอื่น ๆ ที่ได้ติดตามข่าวการล้มละลายของธนาคารเหล่านี้ว่า การล่มสลายของธนาคารทั้ง 3 แห่งดังกล่าวจะทำให้บริษัทคริปโตไม่มีตัวเลือกทางธนาคาร โดยเจ้าตัวได้กล่าวบน Twitter ว่า “Silvergate, Silicon Valley และ Signature ปิดตัวหมดแล้ว ผู้ฝากเงินจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่เท่ากับว่า ไม่มีธนาคารเหลือให้บริษัทคริปโตได้ใช้บริการในสหรัฐฯ แล้ว”

ด้าน Meltem Demirors หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ Coinshare บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ได้กล่าวถึงข้อกังวลที่คล้ายกันนี้ผ่าน Twitter โดยเธอเน้นว่า ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ “คริปโตในอเมริกาได้ถูกปลดออกจากระบบธนาคาร” อีกทั้ง Demirors ยังตั้งข้อสังเกตว่า การจะหาบริการอื่นมาทดแทน Silvergate Exchange Network (SEN) ของ Silvergate Bank และ Signet ของ Signature Bank เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด ซึ่ง SEN และ Signet เป็นแพลตฟอร์มชำระเงินแบบทันทีที่ช่วยให้ลูกค้าของบริษัทคริปโตเชิงพาณิชย์สามารถทำการชำระเงินแบบเรียลไทม์ผ่านสกุลเงินดอลลาร์ได้ตลอดเวลา

ในขณะเดียวกัน Nic Carter พันธมิตรของ Castle Island Ventures ธุรกิจร่วมลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่บล็อกเชนสาธารณะ ก็ได้กล่าวว่า การสูญเสียธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตทั้ง 3 แห่งดังกล่าวหมายความว่า “สภาพคล่องของวงการคริปโตอาจบกพร่อง” นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมอีกว่า ทั้ง Signet และ SEN เป็นกุญแจสำคัญสำหรับบริษัทคริปโตที่จะรับสกุลเงินตราเข้ามา แต่เขาก็หวังว่า ธนาคารอื่น ๆ จะก้าวเข้ามาเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวแทน

Jake Chervinsky หัวหน้าฝ่ายนโยบายของสมาคมส่งเสริมนโยบายด้านคริปโตอย่าง Blockchain Association กล่าวว่า การปิดตัวของธนาคารเหล่านี้จะสร้าง “ช่องว่างขนาดใหญ่” ในตลาดคริปโตสำหรับธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโต โดยเขากล่าวว่า มีธนาคารหลายแห่งที่สามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนนี้ได้โดยที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงเช่นเดียวกับทั้ง 3 ธนาคาร แต่คำถามสำคัญอยู่ที่ว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารจะพยายามเข้ามาขัดขวางหรือไม่