เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทนายของ FTX อดีตแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของโลกที่ล้มละลายไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ยื่นเอกสารรายชื่อเจ้าหนี้ของทางแพลตฟอร์มให้กับศาลล้มละลายสหรัฐฯ ประจำเขตรัฐเดลาแวร์ ซึ่งเอกสารดังกล่าวมีความยาว 116 หน้า และประกอบไปด้วยรายชื่อเจ้าหนี้ของบริษัท FTX Trading Ltd. และบริษัทในเครือโดยเรียงตามลำดับตัวอักษร

ซึ่งในรายชื่อเจ้าหนี้ดังกล่าวก็ปรากฏชื่อของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกจำนวนมาก โดยบริษัทเหล่านี้ก็ประกอบธุรกิจที่หลากหลายด้านและมีหลายขนาด ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โรงแรม องค์กรการกุศล ธนาคาร สำนักข่าว รวมถึงบริษัทด้านคริปโต โดยบริษัทคริปโตที่เป็นที่รู้จักซึ่งมีชื่ออยู่ในรายชื่อเจ้าหนี้ดังกล่าวประกอบไปด้วย Coinbase, Galaxy Digital, Yuga Labs, Circle, Bittrex, Sky Mavis, Chainalysis, Messari และบริษัทในเครือ Binance

นอกจากนี้ บริษัทด้านเทคโนโลยีแนวหน้าของโลกอย่าง Apple, Netflix, Amazon, Meta, Google, LinkedIn, Microsoft และ Twitter รวมถึงสำนักข่าวชื่อดังอย่าง The New York Times, The Wall Street Journal และ CoinDesk ก็มีชื่อเป็นเจ้าหนี้ของ FTX ด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น องค์กรภาครัฐจากหลายประเทศทั่วโลกทั้งญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฮ่องกง และสหรัฐฯ ก็มีชื่ออยู่ในรายชื่อดังกล่าวเช่นกัน โดยในส่วนของสหรัฐฯ ก็ปรากฏชื่อของกรมสรรพากรสหรัฐฯ ด้วย

นอกจากองค์กรและบริษัทขนาดใหญ่แล้ว รายชื่อเจ้าหนี้ดังกล่าวยังดูเหมือนจะรวมไปถึงชื่อของธุรกิจขนาดเล็กด้วย เนื่องจากมีชื่อของธุรกิจกำจัดศัตรูพืชใน Nassau เมืองหลวงของประเทศบาฮามาส รวมถึงร้านต้นไม้แห่งหนึ่งปรากฏอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ทนายของ FTX ยื่นในครั้งนี้ก็ไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่ทาง FTX ติดค้างอยู่กับเจ้าหนี้ในรายชื่อดังกล่าว อีกทั้งยังไม่ได้ระบุรายชื่อของผู้ใช้ที่มีสินทรัพย์ติดอยู่บนแพลตฟอร์มของ FTX จำนวนเกือบ 9.7 ล้านรายอีกด้วย โดยการที่บรรดาบริษัทที่กล่าวมามีชื่อปรากฏอยู่ในรายชื่อเจ้าหนี้ดังกล่าวก็ไม่ได้หมายความว่า บริษัทเหล่านั้นจะต้องมีบัญชีซื้อขายคริปโตกับทาง FTX แต่อย่างใด