รายงานล่าสุดจากสำนักข่าวในประเทศเกาหลีใต้เผยว่า นักลงทุนคริปโตกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่เกิดในระหว่างปี 1997 - 2012 ในเกาหลีใต้ชื่นชอบการลงทุนในคริปโตสกุลต่าง ๆ มากกว่า Bitcoin (BTC) และ Ether (ETH) โดย Altcoin ของบริษัท Ripple อย่าง XRP ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักลงทุน Gen Z
News1 Korea ได้วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตท้องถิ่นอย่าง Bithumb โดยให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการลงทุนตามช่วงอายุเป็นพิเศษ และทางสำนักข่าวก็พบว่า นักลงทุนในวัย 20-29 ปีแสดงถึงแนวโน้มการลงทุนที่ “อุกอาจ” กว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนคริปโต Gen Z ในเกาหลีใต้ยังแสดงถึงสัดส่วนการลงทุนใน Altcoin สูงกว่า Bitcoin และ Ether ด้วย ซึ่ง News1 Korea ระบุในการศึกษาของตนว่า สกุลเงินคริปโตทั้งสองนี้เป็นการลงทุน “ระยะยาว” ที่ “มั่นคง” เนื่องจากมีความผันผวนค่อนข้างน้อย
รายงานของ News1 Korea ระบุว่า นักลงทุนคริปโต Gen Z ในเกาหลีใต้ลงทุนใน XRP มากที่สุดโดยที่ 20.7% กำลังถือสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวอยู่ นอกจากนี้ 82.5% ของนักลงทุนที่มีอายุระหว่าง 20-29 ปียังลงทุนใน Altcoin ต่าง ๆ นอกจาก ETH ด้วย
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษานอกเกาหลีใต้พบว่า กลุ่มนักลงทุนวัย 30-39 ปีเป็นกลุ่มอายุที่มีการลงทุนใน Bitcoin และ Ether มากที่สุด ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา Bitget แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนตราสารอนุพันธ์ด้านคริปโตได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ครึ่งหนึ่งของนักลงทุนที่ซื้อขายคริปโตด้วยวิธีการเทรดเลียนแบบ (Copy Trading) เป็นนักลงทุน Gen Z
สถิติเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ Ripple ยังคงเผชิญหน้ากับการตรวจสอบและคดีความจากหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายท่านหนึ่งประเมินเอาไว้ว่า ในสหรัฐอเมริกา สภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับ XRP ทำให้เหรียญต้องเสียเวลาไป 3 ปีโดยที่ไม่มีการนำไปใช้งานในวงกว้าง
เมื่อไม่นานมานี้เกาหลีใต้ได้ปราบปรามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ในเมือง Cheongju เกาหลีใต้ มีแผนจะยึดคริปโตจากผู้ใช้จำนวนหลายพันรายที่หลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีให้แก่รัฐ
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตในเกาหลีใต้อย่าง Bitsonic ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้เข้าจับกุมด้วยข้อหาขโมยเงินลูกค้า 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐและจะถูกสอบสวนในชั้นศาลโดยไม่มีการกักขังเบื้องต้น