Glassnode บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน เปิดเผยผ่าน Twitter เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกล่มสลายลง นักลงทุนก็พากันแห่แหนไปถอนบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) ออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange: CEX) เพื่อส่งไปยังกระเป๋าเงินคริปโตแบบดูแลด้วยตัวเอง (Self-Custody Wallet) ของตนจนปริมาณบิตคอยน์ที่ไหลออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 106,000 BTC ต่อเดือนแล้ว
Glassnode เผยว่า เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ได้แก่ ในเดือนเมษายนปี 2563, ในเดือนพฤศจิกายนปี 2563 และในเดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคมปี 2565 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังรายงานอีกด้วยว่า จำนวนกระเป๋าเงินที่รับบิตคอยน์มาจากที่อยู่กระเป๋าเงินของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตเพิ่มขึ้นราว 90,000 ใบเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ตามปกติ การถอนบิตคอยน์ออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตมักจะเป็นสัญญาณดีที่บ่งชี้ว่า นักลงทุนกำลังถือบิตคอยน์ระยะยาวไว้ในกระเป๋าเงินของตน แต่สำหรับกรณีนี้ ดูเหมือนว่า นักลงทุนจะเริ่มไม่เชื่อมั่นในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตแบบรวมศูนย์กันแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น Glassnode ยังกล่าวว่า การถอนบิตคอยน์ออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตในครั้งนี้นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อปริมาณบิตคอยน์ที่อยู่ในกระเป๋าเงินของนักลงทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวาฬหรือกุ้ง พร้อมกับเสริมว่า “การล่มสลายของ FTX ได้ทำให้พฤติกรรมของผู้ถือบิตคอยน์ในทุก ๆ กลุ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด”
นับตั้งแต่หายนะเริ่มมาเยือน FTX ในวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระเป๋าเงินบิตคอยน์ทุกขนาดของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ก็ตุงขึ้นเรื่อยมา โดยกลุ่มนักลงทุนที่ถือบิตคอยน์น้อยกว่า 1 BTC หรือกลุ่มกุ้งมีบิตคอยน์ในกระเป๋าเงินเพิ่มขึ้น 33,700 BTC ส่วนกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือบิตคอยน์มากกว่า 1,000 BTC หรือกลุ่มวาฬมีบิตคอยน์ในกระเป๋าเงินเพิ่มขึ้น 3,600 BTC ซึ่งกรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การผลักดันการใช้ Self-Custody Wallet นั้นกำลังเกิดขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนทุกหมู่เหล่าหลังจาก FTX ล่มสลาย
โดย ณ ตอนนี้ บรรดาผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมคริปโตก็เดินหน้าส่งเสริมการใช้ Self-Custody Wallet อย่างต่อเนื่อง แถมสถานการณ์ในช่วงนี้ยังตอกย้ำถึงความสำคัญของความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ในสำนวนระดับตำนานประจำวงการคริปโตอย่าง “Not Your Keys, Not Your Coins (หากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของกุญแจส่วนตัว คุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าของเหรียญคริปโตอย่างแท้จริง)” ได้ดีกว่าช่วงเวลาไหน ๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Anthony Sassano ผู้มีความช่ำชองด้านบล็อกเชน Ethereum กล่าวว่า นักลงทุนคริปโตไม่ควรจะเก็บสินทรัพย์ของตนไว้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตแบบรวมศูนย์ถ้าหากว่าไม่ได้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตจำนวนมากอยู่เป็นประจำ