ล่าสุด ได้มีการจดบันทึก “บิตคอยน์” สกุลเงินคริปโตชื่อดังแห่งวงการสินทรัพย์ดิจิทัลลงไปในบันทึกสถิติโลกอย่าง Guinness World Records เรียบร้อยแล้วในฐานะ “สกุลเงินคริปโตกระจายศูนย์สกุลแรกของโลก” ซึ่งอยู่ภายใต้หมวดหมู่ที่มีชื่อว่า “Cryptomania (คลั่งคริปโต)” ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่จะบันทึกเหตุการณ์ที่มีความเกี่ยวพันกับบล็อกเชน
โดยในบันทึกนั้นมีการระบุว่า บิตคอยน์เป็นสกุลเงินคริปโตกระจายศูนย์สกุลแรกซึ่งมีความเก่าแก่และมีมูลค่ามากที่สุด ซึ่งตั้งแต่บิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2552 สกุลเงินดังกล่าวก็ยังนั่งแท่นสินทรัพย์คริปโตที่มีมูลค่าตามตลาดมากที่สุด แม้ว่าจะมีเหรียญเกิดใหม่ตามมาเรื่อย ๆ บิตคอยน์ก็ยังมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% ด้วยมูลค่ารวมกว่า 370 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ในบันทึกยังระบุอีกด้วยว่า บิตคอยน์ถือเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหา “ความน่าเชื่อของบุคคลที่สาม” ที่ก่อนหน้านี้จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งเนื้อความในบันทึกสถิติดังกล่าวอธิบายไว้ว่า “เครือข่ายบิตคอยน์เข้ามาแก้ปัญหาการใช้โทเคนเดียวกันจ่ายเงินได้มากกว่าหนึ่งครั้ง (Double Spending) ด้วยการใช้กลไกที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความไว้วางใจ (Trustless Mechanism) ซึ่งเราจะไม่ต้องอาศัยบุคคลที่สาม (เช่น ธนาคาร) ในการตรวจสอบธุรกรรม แต่จะใช้ผู้ตรวจสอบธุรกรรม (เช่น นักขุดในกลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work) ในการตรวจสอบแทน”
นอกจาก Guinness World Record ที่เริ่มบันทึกเรื่องราวของคริปโตแล้ว เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์พจนานุกรมอย่าง Merriam-Webster ก็เพิ่งได้เพิ่มคำศัพท์เกี่ยวกับวงการคริปโตเข้าไปในเว็บไซต์อีกมากมาย เช่น Altcoin และ Metaverse
บิตคอยน์ได้รับการยอมรับและเติบโตขึ้นมาอย่างดี ด้วยเป้าหมายในการเป็นสกุลเงินที่สามารถใช้จ่ายได้แทนสกุลเงินตรา ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนจะบรรลุเป้าหมายในก้าวเล็ก ๆ ได้แล้ว หลังจากประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ออกกฎหมายรับรองให้บิตคอยน์กลายเป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อเดือนกันยายน 2564 เพื่อลดการใช้สกุลเงินดอลลาร์และทำให้ค่าใช้จ่ายในการโอนเงินข้ามพรมแดนถูกลง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีกระแสเงินไหลเข้าจากการส่งเงินมาจากต่างประเทศในปริมาณมาก และในปีนี้สาธารณะรัฐแอฟริกากลางก็เดินตามรอยเอลซัลวาดอร์มาติด ๆ ในเดือนเมษายน
ทว่าความแข็งแกร่งของบิตคอยน์ก็เหมือนจะสู้พิษตลาดขาลงอันยืดเยื้อในปี 2565 นี้ไม่ไหว ทั้งกระแสความปั่นป่วนในตลาดต่าง ๆ และการล่มสลายของระบบนิเวศ Terra ที่ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดราคาบิตคอยน์ลงอย่างหนัก เนื่องจากบิตคอยน์ที่เป็นทุนสำรองของ Terra ถูกขายมาเพื่อยื้อการตรึงราคา Stablecoin ในระบบนิเวศดังกล่าว ทำให้ราคาของบิตคอยน์จากที่เคยอยู่ในระดับ 48,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นปี พอตลาดเริ่มวิกฤต ระดับราคาบิตคอยน์ลดฮวบไปเหลือเพียง 18,000 ดอลลาร์เท่านั้น