ล่าสุด Kraken แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตในสหรัฐอเมริกา ได้รับคำสั่งจากศาลแขวงสหรัฐสำหรับเขตทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียให้ส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของผู้ใช้ให้แก่กรมสรรพากรสหรัฐอเมริกา (Internal Revenue Service: IRS)

จากข้อมูลในคำสั่งที่ออกเมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2023 ตามเวลาท้องถิ่น Kraken จะต้องให้ข้อมูลของผู้ใช้ที่มีการทำธุรกรรมเกิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในปีปฏิทิน ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ใช้ (ชื่อจริงหรือนามแฝง), หมายเลขประจำตัวของผู้เสียภาษี, หมายเลขโทรศัพท์, วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่อีเมล รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ด้วย

โดย IRS ระบุว่า หน่วยงานต้องการใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพิสูจน์ว่า มีผู้ใช้แพลตฟอร์มรายงานภาษีต่ำกว่าความเป็นจริงหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้น Kraken ยังอาจจะได้รับคำขอให้ส่งมอบข้อมูลดิบให้แก่ IRS ในขณะเดียวกัน ศาลยังสั่งให้ทางแพลตฟอร์มเผยแพร่ที่อยู่บล็อกเชนและรหัสธุรกรรม (Transaction Hash) ด้วย ซึ่งรวมอยู่ในข้อมูลธุรกรรมที่สามารถเปิดเผยได้แล้ว

หลังจากที่ Kraken บรรลุข้อตกลงกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (United States Security Exchange Commission: SEC) ในเรื่องการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับบริการล็อกเหรียญคริปโต (Staking) ของทางแพลตฟอร์มได้ไม่นาน IRS ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงสหรัฐสำหรับเขตทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดย IRS ให้เหตุผลว่า ก่อนหน้านี้ Kraken ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของทางหน่วยงาน หลังจากที่หน่วยงานได้ออกหมายเรียกให้กับแพลตฟอร์มในปี 2021 และปัจจุบันนี้ทางหน่วยงานมีเป้าหมายที่จะสอบสวนภาระผูกพันทางภาษีของผู้ใช้แพลตฟอร์มที่มีการทำธุรกรรมสกุลเงินคริปโตในระหว่างปี 2016 และ 2020

อย่างไรก็ตาม Joseph Spero ผู้พิพากษาในคดีนี้ ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับความพยายามของ IRS ที่จะขอข้อมูลการจ้างงานและแหล่งที่มาของสินทรัพย์จากทางแพลตฟอร์ม ซึ่งเขาได้ปฏิเสธคำขอของ IRS หลายข้อโดยตรง พร้อมกับให้เหตุผลว่า ศาลจำเป็นต้องสืบให้แน่ชัดว่า หมายเรียกของรัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นที่เหมาะสม ซึ่งหมายความว่า สาระสำคัญไม่ควรเกินเลยสิ่งที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้

โดยศาลพบว่า ข้อมูลที่ IRS ต้องการในคำร้อง 3 ข้อแรกซึ่งมีเป้าหมายเพื่อระบุชื่อเจ้าของบัญชี Kraken ที่ตกอยู่ภายใต้คำนิยามของ John Doe (ชื่อที่ใช้เรียกคู่ความเพศชายที่ต้องการปกปิดตัวตนตามกฎหมายสหรัฐฯ) มีความกว้างเกินไป และมีขอบเขตที่เกินกว่าสิ่งที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการเพื่อสร้างตัวตนของพวกเขา

คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางการปราบปรามอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโตที่เข้มงวดมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา SEC ได้ยื่นฟ้องแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต 2 ราย ได้แก่ Coinbase และ Binance.US ด้วยข้อหาดำเนินงานแพลตฟอร์มซื้อขายหลักทรัพย์แบบผิดกฎหมายและจัดการสินทรัพย์ของลูกค้าอย่างไม่ถูกต้องตามลำดับ