เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินระดับโลกอย่าง Mastercard ได้ประกาศว่า ทางบริษัทได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin ในประเทศออสเตรเลียอย่าง Stables แล้วเพื่อให้ลูกค้ารายย่อยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific: APAC) สามารถใช้จ่าย Stablecoin ของตนผ่านบัตรชำระเงินของ Mastercard ที่ไหนก็ได้ที่รองรับบัตรของ Mastercard

ความร่วมมือดังกล่าวจะประกอบด้วยการพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับ Stablecoin โดย Stables ซึ่งมาพร้อมกับบัตรชำระเงินของ Mastercard โดยผู้ใช้สามารถใช้บัตรดังกล่าวในการเก็บออมและแปลง Stablecoin อย่าง USD Coin (USDC) เป็นสกุลเงินตราเพื่อใช้ชำระเงินผ่านเครือข่ายของ Mastercard ได้ ซึ่งบัตรดังกล่าวจะอยู่บนแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Stables บนโทรศัพท์มือถือ

Kallan Hogan หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีการเงินของ Mastercard ประจำภูมิภาค Australasia (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะใกล้เคียงในมหาสมุทรแปซิฟิก) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง Mastercard กับ Stables ถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญในแง่ของการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตกระจายศูนย์ Web3 มาใช้

ด้าน Daniel Li ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Stables กล่าวว่า การรวมการทำงานของกระเป๋าเงินดิจิทัลกับ Mastercard จะพร้อมใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 นี้ โดยในขั้นต้น บัตรชำระเงินดังกล่าวของ Mastercard จะเปิดให้ผู้ใช้ในประเทศออสเตรเลียใช้งานก่อน จากนั้นจะเปิดบริการให้ผู้ใช้ในยุโรป สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และพื้นที่ส่วนใหญ่ของเอเชียแปซิฟิกใช้งาน

Li ยังกล่าวอีกว่า บัตรชำระ Stablecoin ดังกล่าวใช้เครื่องมือการประมวลผลธุรกรรมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Stables ซึ่งจะประมวลผลการชำระเงินที่ใช้ USDC และทำงานกับ Mastercard โดยตรงเพื่อดำเนินธุรกรรม ในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้สามารถฝากเหรียญ Stablecoin อื่น ๆ ได้ เช่น Tether (USDT) และ Binance USD (BUSD) แต่เงินฝากทั้งหมดจะถูกแปลงเป็น USDC โดยอัตโนมัติโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ Li ยังได้แสดงความมั่นใจในอนาคตของ USDC ถึงแม้จะมีวิกฤตเกี่ยวกับการล่มสลายของธนาคาร Silvergate เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเขากล่าวว่า “Stablecoin จะมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินแบบใหม่ และจะเป็นแกนกลางในการเชื่อมโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ Stables จะยังคงทำงานร่วมกับ USDC และ Circle ในฐานะส่วนสำคัญของระบบนิเวศดังกล่าว”