ปี 2565 ถือเป็นหนึ่งในปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับวงการคริปโตและอินเทอร์เน็ตกระจายศูนย์ Web3 เลยก็ว่าได้ เนื่องจากตลาดเข้าสู่ฤดูหนาวและโครงการคริปโตต่าง ๆ ก็ล่มสลายไปไม่มีชิ้นดี สร้างแรงกดดันให้ตลาดดำดิ่งลงไปอีก ถึงกระนั้น ในปีดังกล่าวก็ยังมีข่าวดีสำหรับวงการ Web3 อยู่บ้าง เนื่องจากมีบริษัทเข้ามาลงทุนในวงการด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้และนักลงทุนมากหน้าหลายตายังหลั่งไหลเข้ามาสู่อุตสาหกรรมเพื่อลองผิดลองถูกกับโลกเสมือน Metaverse อีกด้วย
ล่าสุด CoinWire เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลด้านคริปโต ได้เผยแพร่แบบสำรวจชิ้นใหม่ออกมา ซึ่งจัดทำขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2565 ด้วยการสอบถามนักลงทุนในวงการคริปโตมากกว่า 10,000 คน ผลปรากฏว่า ผู้ใช้จำนวนมากมีความเชื่อว่า ความเป็นจริงแบบดิจิทัลจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตการเข้าสังคมของพวกเขาในทุก ๆ ด้าน
ผู้ตอบคำถาม 69% เชื่อว่า Metaverse จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตทางสังคมของพวกเขาด้วยการมอบช่องทางรับความบันเทิงรูปแบบใหม่ ขณะที่ 65% เชื่อว่า Metaverse จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในแง่ของการทำกิจกรรมทางสังคม นอกจากนี้ ผู้ใช้จำนวนมากยังเชื่ออีกว่า Metaverse จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเขาในด้านการเงิน ธุรกิจ และการศึกษา ซึ่งคิดเป็น 61.2%, 49.6% และ 45% ตามลำดับ ขณะที่ผู้ตอบคำถามที่เป็นนักลงทุน Metaverse ราว 53% บอกว่า พวกเขาถือคริปโตอยู่
แบบสำรวจดังกล่าวยังระบุว่า จีนและอินเดียเป็นประเทศที่มีผู้เปิดใจรับ Metaverse มากที่สุดในแง่ของการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยคิดเป็น 78% และ 75% ตามลำดับ ส่วนอเมริกาครองแชมป์ทวีปที่ล้ำหน้ามากที่สุดในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ยิ่งไปกว่านั้น CoinWire ยังเผยอีกว่า Microsoft บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรสำหรับนวัตกรรมด้าน Metaverse จำนวน 158 รายการ แซงหน้าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่น ๆ อย่าง Meta, Tencent และ Epic Games
โดยผลสำรวจดังกล่าวน่าจะเป็นข่าวดีสำหรับวงการ Web3 อยู่ไม่น้อย ไม่แน่ว่า ในอนาคต Metaverse ก็อาจจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนอย่างมีนัยสำคัญได้ถ้าหากว่าเทคโนโลยีนี้ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์โลกเสมือนที่ให้ผู้ใช้สัมผัสสิ่งของและดมกลิ่นได้ในงานจัดแสดงเทคโนโลยีชื่อดัง Consumer Electronics Show ประจำปี 2566