ปีพุทธศักราช 2565 เป็นปีที่โหดเหี้ยมสำหรับนักลงทุนคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Non-Fungible Token (NFT) เรียกได้ว่า ใครอ่อนหัดต้องมีเจ็บตัวกันบ้าง บริษัทคริปโตล้มหายตายจากไปรัว ๆ ขณะที่นักลงทุนก็ต้องวิ่งเต้นไปทวงเงินของตัวเองคืนจากบริษัทที่ล้มละลาย แม้แต่พี่ใหญ่แห่งวงการสกุลเงินเสมือนอย่าง Bitcoin (BTC) ก็ร่วงแรงมาเหลือเพียงราว 16,000 จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,000 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว สถานการณ์มันช่างน่าวิตกกังวลยิ่งนัก ปีหน้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้เรามีกลเม็ดเด็ดพรายมาบอกนักลงทุนเพื่อให้สามารถรับมือกับตลาดและวางแผนการลงทุนในปี 2566 ได้ ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาเป็นอย่างแรกก่อนตัดสินใจลงทุน
ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค
ความเสี่ยงที่เป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นสิ่งที่นักลงทุนจะต้องพึงระวังเป็นอย่างยิ่งในปีหน้า ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้สร้างหายนะต่อเศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก และพลังงานจากรัสเซียก็มีความสำคัญต่อทวีปยุโรปเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ พอรัสเซียถูกคว่ำบาตรในด้านพลังงานแล้ว หลายประเทศในยุโรปจึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมาตรการดังกล่าวทำให้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับอุปทานที่ลดลง
ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายด้านการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกใช้รับมือกับโรคระบาด COVID-19 บวกกับการที่ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น ยังทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป โดยธนาคารกลางต่าง ๆ ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหานี้ ทำให้ตลาดคริปโตได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปีนี้ ถ้าหากว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละในปีหน้า นักลงทุนก็อาจจะต้องเจ็บตัวไม่ต่างกับปีนี้เลย
ในทำนองเดียวกัน ตลาดคริปโตยังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดทางการเงิน (Contagion) ในอุตสาหกรรมด้วย เหตุการณ์การล่มสลายของโปรเจกต์ Terra ในเดือนพฤษภาคมยังคงหลอกหลอนนักลงทุนอยู่เสมอ ต่อมาตลาดยังต้องมาเจอกับการล้มละลายของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอย่าง FTX ในช่วงปลายปีอีก ทำให้นักลงทุนมีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหรียญคริปโตจึงเสียศูนย์กันเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ การเทขายสินทรัพย์ของบริษัทคริปโตเหล่านี้เพื่อหาเงินมาคืนนักลงทุนยังอาจส่งผลให้เกิดการเทขายในตลาดรอบใหม่ได้ด้วย
นอกจากนี้ โรคระบาดทางการเงินในอุตสาหกรรมคริปโตในปีนี้ยังอาจมีโอกาสที่จะนำไปสู่การแทรกแซงจากภาครัฐที่มากขึ้นในปีหน้าด้วย อย่างไรก็ตาม หากการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตมีความชัดเจน ก็จะเป็นผลดีต่อตัวอุตสาหกรรมเองในระยะยาว เนื่องจากจะดึงดูดสถาบันให้เข้ามาลงทุนในคริปโตได้ ในทางกลับกัน ก็มีโอกาสที่สินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin และแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange: CEX) จะได้รับผลกระทบในระยะสั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าหน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาตรวจสอบเหรียญ Stablecoin อย่าง Tether (USDT) ตลาดก็อาจจะประสบกับความวุ่นวายได้
ประเด็นสุดท้ายที่นักลงทุนต้องระวังคือ การหยุดกิจกรรมของนักขุด Bitcoin ธุรกิจการขุด Bitcoin นั้นมีต้นทุนในการดำเนินกิจการที่ค่อนข้างสูง หากมูลค่าของ Bitcoin ดิ่งลงต่อเนื่อง บริษัทขุด Bitcoin ก็จะได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากหาได้ไม่คุ้มเสีย ทำให้พวกเขาจำต้องยอมขาย Bitcoin ทิ้งไปเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในบริษัท ผลที่ตามมาก็คือ มูลค่า Bitcoin อาจร่วงลงไปอีก
ทั้งหมดที่พูดมานี้เป็นความเสี่ยงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเราก็ไม่อาจรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าปีหน้าการลงทุนในคริปโตจะมีความเสี่ยงอะไรอีกบ้าง นักลงทุนก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี ๆ ฉะนั้น เรามาดูกันว่าในสภาพตลาดเช่นนี้ นักลงทุนควรจะลงทุนอย่างไรเพื่อให้สามารถต่อกรกับสถานการณ์อันแสนโหดร้ายได้
แนวทางการลงทุนในปี 2565
การลงทุนคือการปกป้องเงินทุนของเรา ดังนั้น การลงทุนในสกุลเงินคริปโตที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Bitcoin และ Ether (ETH) นั้นจึงเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด นอกจาก Bitcoin และ Ether แล้ว นักลงทุนก็อาจจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งของตัวเองไปลงทุนในบล็อกเชนเลเยอร์-1 และเลเยอร์-2 เอาไว้บ้าง โดยเฉพาะพวกบล็อกเชนที่เคยห้ำหั่นมรสุมตลาดหมีมาแล้วหรือพวกที่มีแววว่าจะปัง เช่น Solana, Avalanche, Polkadot, Polygon และ Arbitrum ทั้งนี้ ก็อย่าลืมว่า นักลงทุนจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละโปรเจกต์ก่อนลงทุนเสมอ โดยนักลงทุนอาจจะอ่านหนังสือชี้ชวน ประเมินแผนการของโปรเจกต์ ตลอดจนสำรวจชุมชนของโปรเจกต์นั้น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น เวลาที่ลงทุนในบล็อกเชน นักลงทุนก็ควรจะมีแผนสำรองเอาไว้บ้าง เช่น ถ้าคุณอยากลงทุนใน Solana คุณก็ควรเจียดเงินอีกเสี้ยวหนึ่งไปลงทุนใน Aptos ด้วย เนื่องจากเป็นโปรเจกต์ที่มีแววว่าจะปังแทน Solana
วงการอินเทอร์เน็ตกระจายศูนย์ Web3 เป็นแหล่งบ่มเพาะโปรเจกต์ใหม่ ๆ ซึ่งมักจะแจกเหรียญ (Airdrop) ให้กับสมาชิกในชุมชนเพื่อให้พวกเขานำไปทดลองใช้ เช่น การแจกเหรียญ Ethereum Name Service (ENS), ApeCoin (APE) และ Aptos ซึ่งเป็นเหรียญที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนก็สามารถเข้าร่วมโปรเจกต์คริปโตใหม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้เพื่อที่จะรับสิทธิ์ในการครอบครองเหรียญเวลาที่มีการออกเหรียญใหม่ ๆ
นอกจากนี้ การสังเกตรูปแบบการเติบโตของโปรเจกต์คริปโตก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากจะทำให้นักลงทุนอาจพอเดา ๆ ได้ว่าโปรเจกต์ใดบ้างจะมีแววประสบผลสำเร็จ ในวัฏจักรคริปโตรอบที่แล้ว การเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi), GameFi และโทเคนในโลกเสมือน Metaverse มาแรง โดยในอนาคตโปรเจกต์เหล่านี้อาจจะประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมได้ ในทำนองเดียวกัน เหรียญมีมอย่าง Dogecoin (DOGE) ก็น่าสนใจมากทีเดียว เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจาก Elon Musk เศรษฐีชื่อดังของโลก
สุดท้ายนี้ คำแนะนำข้างต้นมิอาจใช้ได้ผลกับนักลงทุนทุกคน โดยนักลงทุนก็อาจจะศึกษาตัวเลือกการลงทุนจากกองทุนธุรกิจเงินร่วมลงทุนก็ได้เพื่อให้ตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้นว่าจะลงทุนโปรเจกต์แบบไหนบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ทางเราไม่มีสูตรลับตายตัวที่ช่วยให้นักลงทุนล่ำซำได้ แต่หลักการลงทุนคริปโตโดยทั่วไปคือ “การซื้อตอนราคาร่วงและขายตอนราคาพุ่ง” ดังนั้น ปีหน้าก็อาจจะยังเหมาะแก่การลงทุนในคริปโต เนื่องจากราคาแต่ละเหรียญยังต่ำอยู่ นอกจากนี้ การลงทุนคริปโตไม่จำเป็นต้องใช้ฤกษ์งามยามดี สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าคุณอยู่มานานแค่ไหนต่างหาก เนื่องจากยิ่งคุณอยู่ในวงการคริปโตนานเท่าไร คุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนมากขึ้น