คณะผู้เชี่ยวชาญ Coin Center ออกมากล่าวเตือนว่า ร่างกฎหมาย Restricting the Emergence of Security Threats that Risk Information and Communications Technology Act (RESTRICT) หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “ร่างกฎหมายแบน TikTok” ของสหรัฐฯ อาจถูกนำไปใช้ในแบบที่เกินขอบเขตและไม่คาดคิดได้ถ้าหากได้รับการเห็นชอบบัญญัติเป็นกฎหมาย โดยรวมถึงการนำไปใช้ในการปราบปรามอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโตด้วย
ร่างกฎหมาย RESTRICT ถูกเสนอในวุฒิสภาสหรัฐในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาท่ามกลางความกังวลว่า แอปพลิเคชันชื่อดังจากประเทศจีนอย่าง TikTok มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อส่งไปให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทั้งสมาชิกพรรค Democrat และ Republican ของสหรัฐฯ
ร่างกฎหมาย RESTRICT จะทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีอำนาจแบบใหม่ที่จะ “รับมือกับภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งเป็นผลพวงของเทคโนโลยีจากศัตรูต่างชาติอย่างครอบคลุม” ด้วยการอนุญาตให้ทางกระทรวง “ตรวจสอบ, ป้องกัน และบรรเทาธุรกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเกินจำเป็นต่อความมั่นคงประจำชาติ”
ทั้งนี้ หัวข้อที่ 15 ของประมวลกฎหมายและระเบียบของสหรัฐฯ (Code of Federal Regulations: CFR) ระบุว่า ศัตรูจากต่างชาติของสหรัฐฯ คือ ประเทศจีน (รวมถึงเขตปกครองพิเศษฮ่องกง), คิวบา, เกาหลีเหนือ, อิหร่าน, รัสเซีย และรัฐบาลของประเทศเวเนซุเอลาอย่าง Maduro ในปัจจุบันด้วย
โดย Coin Center ระบุว่า ร่างกฎหมาย RESTRICT มีความคลับคล้ายคลับคลากับกฎหมายอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ของสหรัฐฯ ที่มีผลทำให้สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control: OFAC) ภายใต้กระทรวงการคลังสหรัฐมีอำนาจในการสั่งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกรรมกับคู่พิพาทของสหรัฐฯ ได้ โดย Coin Center ระบุว่า การที่ OFAC ประกาศคว่ำบาตรสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ของ Tornado Cash แพลตฟอร์มอำพรางธุรกรรมสกุลเงินคริปโต เป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบเพื่อแบนเทคโนโลยีประเภทดังกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น Coin Center ยังแสดงความวิตกกังวลอีกว่า ร่างกฎหมาย RESTRICT จะทำให้เกิดอำนาจขั้นเด็ดขาดในการสั่งแบนเทคโนโลยีทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับศัตรูจากต่างชาติโดยที่มีการตรวจสอบเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น Coin Center ยังกล่าวเสริมอีกว่า ร่างกฎหมาย RESTRICT จะถูกนำไปใช้ได้ง่ายกว่าเดิม ทว่ากลับคัดค้านได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของร่างกฎหมายดังกล่าวต่ออุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโตจึงไม่ควรถูกมองข้าม
ร่างกฎหมาย RESTRICT เสนอบทลงโทษจำคุก 20 ปีและปรับเป็นเงิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเนื้อหาคลุมเครือ และสามารถนำไปใช้ในการปราบปรามเทคโนโลยีหลากหลายประเภท รวมถึงเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network: VPN) ด้วย
สมาชิกวุฒิสภาอาวุโสจากพรรค Democrat อย่าง Mark Warner ซึ่งเป็นผู้นำการร่างกฎหมาย RESTRICT ให้เหุตผลว่า “พวกเราต้องการวิธีการแบบครอบคลุมที่อิงจากความเสี่ยงที่จัดการกับแหล่งที่มาของเทคโนโลยีที่อาจเกิดอันตรายในเชิงรุกก่อนที่เครื่องมือเหล่านี้จะเข้ามาตั้งหลักในอเมริกาได้”