เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นในประเทศเกาหลีใต้รายงานว่า จำนวนเงินทั้งหมดจากการก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจตามการเปิดเผยของกรมศุลกากรของประเทศเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 3.2 ล้านล้านวอน (2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2021 เป็น 8.2 ล้านล้านวอน (6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว

โดย 5.6 ล้านล้านวอน (4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ของจำนวนเงินดังกล่าวเกิดจากการที่พลเมืองเกาหลีใต้ได้ทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่ผิดกฎหมายจำนวน 15 ครั้งเท่านั้น และการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อซื้อสินทรัพย์เสมือนจากต่างประเทศและนำมาขายในประเทศในภายหลัง เนื่องจากระบบการกำกับดูแลของประเทศเกาหลีใต้บังคับให้มีการแยกตลาดในประเทศออกจากตลาดต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ราคาของคริปโตจากต่างประเทศมีราคาที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรของประเทศเกาหลีใต้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 16 รายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมายซึ่งเชื่อมโยงกับสินทรัพย์คริปโตมูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย 

และในเดือนเดียวกันนี้ หน่วยข่าวกรองทางการเงินของประเทศเกาหลีใต้ได้ดำเนินคดีกับบริษัทคริปโตจากต่างประเทศจำนวน 16 แห่ง ซึ่งรวมไปถึง KuCoin, Poloniex และ Phemex ด้วย โดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตเหล่านี้ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจที่เจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้บริโภคในเกาหลีใต้ผ่านเว็บไซต์ภาษาเกาหลี การจัดกิจกรรมโปรโมตแพลตฟอร์มที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ และการเสนอตัวเลือกการชำระเงินซื้อสกุลเงินคริปโตด้วยบัตรเครดิต โดยกิจกรรมเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้กฎหมายรายงานธุรกรรมทางการเงิน (Financial Transaction Report Act: FTR Act)

นับตั้งแต่ปี 2017 กฎหมายธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของประเทศเกาหลีใต้ได้เริ่มกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมด้านคริปโตต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริการทางการเงิน (Financial Services Commission: FSC) ของประเทศ ดังนั้น ความพยายามที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนคริปโตกับตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นการที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาบุกตลาดเกาหลีใต้หรือนักลงทุนเกาหลีใต้มองหาช่องทางการแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ดีกว่าในต่างประเทศจะถือว่า “ผิดกฎหมาย”