เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิเคราะห์ของ Standard Chartered ธนาคารชื่อดังสัญชาติอังกฤษ ได้ออกมาทำนายว่า สกุลเงินคริปโตตัวแรกของโลกอย่างบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) จะสามารถทะยานสู่ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ภายในช่วงสิ้นปี 2024 นอกจากนี้ เขายังระบุอีกว่า ฤดูหนาวคริปโตได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว

Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered เขียนลงในบันทึกว่า บิตคอยน์อาจได้รับแรงกระตุ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการมีเสถียรภาพของสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (U.S. Federal Reserve: Fed) จะหยุดวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความปั่นป่วนในภาคธนาคารที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการขุดสกุลเงินคริปโต โดย Kendrick ระบุว่า “ถึงแม้ว่าแหล่งกำเนิดของความไม่แน่นอนจะยังคงอยู่ แต่เราคิดว่า เส้นทางไปสู่ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐของบิตคอยน์กำลังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น” 

นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2023 บิตคอยน์ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถทะยานสู่เหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนในเดือนเมษายน กระนั้นก็ดี การฟื้นตัวของบิตคอยน์ก็ถือเป็นการฟื้นตัวเพียงส่วนหนึ่งของตลาดคริปโตเท่านั้นหลังจากที่เมื่อปีที่แล้วตลาดคริปโตสูญเสียมูลค่าไปเป็นหลักล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว เนื่องจาก Fed ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบริษัทคริปโตหลายแห่งล้มละลาย

นอกจากนี้ Kendrick ยังระบุอีกว่า การที่รัฐสภายุโรปได้มีมติเห็นชอบชุดกฎหมายกำกับดูแลตลาดคริปโตของสหภาพยุโรป (European Union: EU) อย่าง Markets in Crypto-Assets Act (MiCA) น่าจะเป็นแรงหนุนให้กับบิตคอยน์อีกด้วย

ในทำนองเดียวกัน JPMorgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันที่ 5 เมษายนว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคของบล็อกเชนบิตคอยน์อย่างการลดผลตอบแทนจากการขุดบิตคอยน์ลงครึ่งหนึ่ง (Bitcoin Halving) ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนเมษายนปี 2024 อาจช่วยดันราคาบิตคอยน์ได้ เนื่องจากการสร้างเหรียญนั้นจะทำได้ยากขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะทำให้เกิด “ผลกระทบทางจิตวิทยาในแง่บวก”

นอกจากนี้ JPMorgan ยังระบุอีกว่า ราคาคริปโตได้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นของสาวกคริปโตแล้ว ซึ่งพวกเขามองว่า วิกฤตด้านธนาคารที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระบบนิเวศคริปโต โดยผู้สนับสนุนคริปโตกล่าวว่า เหรียญ Stablecoin อ่อนไหวต่อการแห่ถอนเงินน้อยกว่า