Sygnum ธนาคารด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในเมือง Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กำลังได้รับคำถามเกี่ยวกับการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นจากบริษัทคริปโตทั่วโลกที่กำลังมองหาธนาคารพันธมิตรใหม่ ๆ หลังจากธนาคารที่เป็นมิตรต่อสกุลเงินคริปโตในสหรัฐฯ หลายแห่งล่มสลายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
มีรายงานว่า Dominic Castley ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Sygnum ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังเกิดวิกฤตในอุตสาหกรรมการธนาคาร พวกเขาได้รับคำถามเกี่ยวกับการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นจากบริษัทคริปโตต่าง ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงบริษัทจำนวนมากในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย
นอกจากนี้ Castley ยังระบุอีกว่า คำถามต่าง ๆ เหล่านั้นมักจะถูกส่งมาจากนักลงทุน บริษัทผู้จัดการสินทรัพย์ และโครงการด้านบล็อกเชนต่าง ๆ ที่มีความประสงค์จะกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตของตน โดย Castley อธิบายว่า ธนาคารของเขากำลังเร่งขยายทีมสนับสนุนบริการลูกค้าและทีมงานด้านการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อเสนอบริการให้กับลูกค้ารายใหม่ในรูปแบบที่รวดเร็วแต่ยังถูกต้องตามกฎหมายโดยสมบูรณ์
เป็นที่ทราบกันดีว่า ธนาคาร Signature Bank, Silvergate Capital และ Silicon Valley Bank ประสบปัญหาร้ายแรงถึงขั้นล่มสลาย ผลที่ตามมาคือ บริษัทคริปโตหลายแห่งในสหรัฐฯ ถูกลอยแพเนื่องจากแทบไม่เหลือธนาคารให้พวกเขาได้ใช้บริการ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องแสวงหาธนาคารพันธมิตรรายใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสกุลเงินคริปโต
ถึงกระนั้น Castley กลับระบุว่า Sygnum จะปฏิบัติตามนโยบายของธนาคารด้วยการไม่เสนอบริการให้กับลูกค้าในสหรัฐฯ แม้ว่าวิกฤตด้านธนาคารที่กำลังเกิดขึ้นดังกล่าวจะเป็นนาทีทองสำหรับ Sygnum ในการโอบรับลูกค้ารายใหม่ ๆ ก็ตาม
Castley กล่าวว่า “นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2017 ธนาคาร Sygnum ได้ตัดสินใจที่จะไม่ส่งมอบบริการให้กับลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อเน้นไปที่กลุ่มตลาดเป้าหมายหลักของเราอย่างเต็มที่…เรื่องดังกล่าวกลายเป็นนโยบายก่อตั้งของธนาคารตั้งแต่นั้นมา เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ต้อนรับบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐฯ ในฐานะลูกค้า”
Castley เชื่อว่า สาเหตุที่ Sygnum ได้รับความสนใจจากบริษัทคริปโตเพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะ ธนาคารมีที่ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์และสิงคโปร์คู่กันและมีกลยุทธ์ในการยินยอมให้เจ้าหน้าที่จากภาครัฐของทั้งสองประเทศเข้ามากำกับดูแล โดย Sygnum เพิ่งประกาศว่า ธนาคารกำลังจะเปิดศูนย์กลางสำหรับบริการด้านธนาคารคริปโตสำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางในเขตการค้าเสรี Abu Dhabi Global Market (ADGM) หลังได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินจากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินอย่าง Financial Services Regulatory Authority (FSRA) แล้ว