ปี 2565 นี้ถือเป็นช่วงเวลาอันทรหดของตลาดสกุลเงินคริปโตเลยก็ว่าได้ นักลงทุนต้องเผชิญกับตลาดขาลงอันยืดเยื้อยาวนาน รวมถึงยังมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในตลาดที่ทำเอาผู้ถือเหรียญคริปโตต้องอกสั่นขวัญแขวน เช่น ราคาบิตคอยน์ร่วงหนักสุด ๆ กว่า 70% ทะลุต่ำกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐกันไปเลยทีเดียว สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ตลาดสกุลเงินคริปโตยังร่วงลงอย่างต่อเนื่องมี 3 ข้อ ดังนี้

1. การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve: Fed) – เนื่องด้วยภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาที่สูงและไม่สามารถควบคุมได้ Fed จึงต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ค่าสินค้าและบริการ ค่าการผลิต ค่าแรง และค่าใช้จ่ายแทบทุกอย่างนั้นปรับตัวขึ้นไปด้วย โดยเริ่มต้นปรับขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ทั้งบิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ ปรับฐานราคาลงมาเรื่อย ๆ 

แน่นอนว่า นโยบายทางการเงินนี้ส่งผลต่อสกุลเงินคริปโต เมื่อใดที่มีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจหรือวันก่อนหน้านั้น บิตคอยน์ก็จะเริ่มขยับตัวเพื่อเตรียมรับแรงกระแทก เราก็สามารถมองการปรับราคาของคริปโตเป็นสัญญาณบ่งบอกสภาวะของเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน ถ้าหากสภาวะเงินเฟ้อยังไม่ดีขึ้น และ Fed ยังไม่มีทีท่าที่จะเปลี่ยนทิศทางของนโยบายตอนนี้ ราคาคริปโตก็จะยังลงต่อไป

2. ข้อกำหนดกำกับดูแลที่ไม่ชัดเจน – หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศยังมีความเข้าใจผิดและไม่ไว้วางใจการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้งานในโลกความจริง อีกทั้ง ยังไม่มีการวางกฎเกณฑ์การกำกับดูแลที่ชัดเจน ทำให้มีความขัดแย้งกันในเรื่องนโยบายต่าง ๆ ทั้งการจัดประเภทให้คริปโตเป็นสินทรัพย์ หรือการกำหนดว่า สกุลเงินใดสามารถใช้จ่ายได้อย่างถูกกฎหมายบ้าง

ซึ่งการบกพร่องในการให้ความชัดเจนของการกำกับดูแลนี้เป็นการถ่วงความก้าวหน้าและนวัตกรรมของวงการนี้ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การที่จะมีการนำคริปโตไปใช้อย่างแพร่หลายนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้จนกว่าประเทศทั่วโลกจะให้การยอมรับมากกว่านี้ และมีการบังคับใช้กฎหมายที่เห็นพ้องร่วมกัน นอกจากนี้ ด้วยความที่สินทรัพย์คริปโตนั้นแปรผันไปตามความเชื่อมั่นของผู้ถือครอง การขาดความชัดเจนของข้อกำหนดก็ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง ซึ่งเป็นผลให้ราคานั้นลดลงตามไปด้วย รวมถึง หากรัฐบาลต่อต้านคริปโตจนกระทั่งเกิดการแบนแล้ว ก็ยิ่งกระทบราคามากยิ่งขึ้นด้วย

3. เหตุการณ์ร้ายต่อตลาด – ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ฉ้อโกง แชร์ลูกโซ่ ตลาดผันผวนฉับพลันก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ราคาร่วงตลอดปี 2565 เช่นเดียวกัน ข่าวร้ายและเหตุการณ์ที่ทำให้สภาพคล่องของตลาดคริปโตพังทลายจะทำให้เกิดผลเสียตามมาเนื่องจากการกำกับดูแลที่ไม่เพียงพอ ความเป็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ และความเล็กของตลาดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ 

ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์การล่มของระบบนิเวศ LUNA ที่พาเอาบริษัทอื่น ๆ ที่ถือเหรียญภายในระบบนิเวศล้มตามไปด้วยจนถึงขั้นต้องยื่นล้มละลาย ก็มีส่วนทำให้บิตคอยน์นั้นราคาลง เนื่องจากในขั้นตอนการพยุงราคาสินทรัพย์ในระบบนิเวศนั้น ทางบริษัทต้องขายบิตคอยน์เพื่อนำเงินมาใช้ ซ้ำร้าย ด้วยความที่บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่ง เหรียญคริปโตทั้งหลายมักจะเคลื่อนไหวตามบิตคอยน์ เมื่อบิตคอยน์ร่วง เหรียญอื่น ๆ ก็พากันร่วงไปด้วยเต็มตลาด

ในอนาคตนี้ ตลาดจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ ต้องมาจับตาดูกันว่าทีท่าของภาวะเงินเฟ้อจะดีขึ้นหรือเปล่า และ Fed จะมีนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปทางด้านบวกและทำให้สภาวะจิตใจของนักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นได้ ตลาดคริปโตก็จะพบกับวันที่สดใสดังเดิม