ความร่วมมือล่าสุดระหว่าง Poundtoken องค์กรผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินปอนด์อังกฤษในอัตรา 1 ต่อ 1 อย่าง poundtoken (GBPT) และ BitcoinPoint แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่มีใบอนุญาตในสหราชอาณาจักร ทำให้ผู้บริโภครายย่อยในสหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงเหรียญ GBPT ได้แล้วผ่านเครือข่ายตู้ ATM จำนวน 18,000 ตู้ทั่วประเทศ รวมถึงสามารถนำสกุลเงินคริปโตต่าง ๆ เช่น Bitcoin (BTC) และ Ether (ETH) ไปแลกเป็นเงินสดได้แล้วผ่านตู้ ATM เหล่านั้น

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่จะกระตุ้นให้เกิดการนำ Stablecoin มาใช้ในการชำระเงินสำหรับสถาบันการเงิน และนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศกลายเป็นศูนย์กลางด้านคริปโตของโลก

การที่ GBPT ถูกลิสต์ขึ้นบน BitcoinPoint ก็ทำให้ตอนนี้ผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงการชำระเงินระหว่างรายย่อยและระหว่างสถาบันโดยใช้เหรียญ Stablecoin ดังกล่าวได้ อีกทั้งยังสามารถนำสกุลเงินตราที่พวกเขาคุ้นเคยไปแลกเป็นเหรียญคริปโตได้ด้วย

โดย Benoit Marzouk ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BitcoinPoint กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเพิ่มการเข้าถึงคริปโตในหมู่ประชาชนที่ไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยีในสหราชอาณาจักร พร้อมทั้งยังกล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้เป็นไปตามท่าทีของรัฐบาลที่จะนำ Stablecoin เข้าสู่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร” ด้วย

ด้าน Michael Crosbie ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Poundtoken อธิบายว่า GBPT เกิดขึ้นมา เนื่องจากอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไม่มี Stablecoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินปอนด์อังกฤษเลย ทั้ง ๆ ที่มีหลายเหรียญที่ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น Tether (USDT) และ USD Coin (USDC)
ยิ่งไปกว่านั้น Crosbie ยังระบุอีกว่า GBPT เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเข้าสู่สหราชอาณาจักร และทำให้การนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ในสหราชอาณาจักรเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้น เขาจึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่สหราชอาณาจักรจะเริ่มตระหนักว่า ตนนั้นมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำด้านคริปโตของโลกได้

การใช้ Stablecoin เริ่มจุดติดแล้วทั่วโลก โดยมีรายงาน สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้งานในบางประเทศแล้ว เช่น อาร์เจนตินาและสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม การล่มสลายของโปรเจกต์ Stablecoin อย่าง Terra ยังคงหลอกหลอนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมคริปโตอยู่ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานกำกับดูแลในบางประเทศจึงได้สั่งห้ามไม่ให้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทดังกล่าวโดยเด็ดขาด