เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control: OFAC) ภายใต้กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาได้ออกเผยแพร่แถลงการณ์สัญญาระงับข้อพิพาทกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอย่าง Kraken ผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงาน โดยทางแพลตฟอร์มตกลงที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนมูลค่า 362,158.70 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12.9 ล้านบาท เทียบเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565) จากคดีทางแพ่งฐานละเมิดการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน นอกจากนี้ Kraken ยังตกลงที่จะลงทุนให้กับแนวทางการปฏิบัติตามข้อกำหนดการคว่ำบาตรอีก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

โดยในแถลงการณ์ระบุอีกว่า “เนื่องจาก Kraken ล้มเหลวในการใช้เครื่องมือระบุพิกัดอย่างเหมาะสมและถูกเวลา รวมถึงการใช้ระบบกีดกันที่อยู่ IP แบบอัตโนมัติ ทาง Kraken จึงได้ให้บริการแก่ผู้ใช้ที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในอิหร่านตอนที่พวกเขาทำธุรกรรมสกุลเงินเสมือนบนแพลตฟอร์ม Kraken”

Marco Santori หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Kraken ออกมาเผยว่า ทางแพลตฟอร์มได้มอบตัวด้วยความสมัครใจและได้ปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับทาง OFAC รวมถึงยังได้ระบุว่า “แม้แต่ก่อนที่จะมีข้อสรุปในการยุติเรื่องนี้ออกมา ทาง Kraken ก็ได้ดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อพัฒนามาตรการสำหรับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งรวมถึงการทำให้ระบบการควบคุมแข็งแกร่งขึ้น ขยายทีมงานด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด และเพิ่มการอบรมและความรับผิดชอบ”

สหรัฐอเมริกาได้เริ่มต้นคว่ำบาตรอิหร่านมาตั้งแต่ปี 2522 แล้ว โดยมีการห้ามส่งออกสินค้าและบริการให้แก่ธุรกิจและปัจเจกบุคคลของประเทศดังกล่าว ถึงกระนั้น Kraken ก็ได้ละเมิดข้อกำหนดดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งมีรายงานว่า มีคนในอิหร่านมากกว่า 1,500 คนถือบัญชีของ Kraken ทำให้สามารถซื้อขายคริปโตได้

ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา สำนักข่าว The New York Times รายงานว่า Jesse Powell อดีตผู้บริหารสูงสุดที่ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เผยว่า เขาเล็งจะทำเรื่องผิดกฎหมาย หากผลประโยชน์ที่เกิดกับ Kraken มีมากกว่าบทลงโทษทางการเงินและกฎหมาย โดยไม่ได้เจาะจงถึงเรื่องการคว่ำบาตรแต่อย่างใด