รายงานผลการวิจัยล่าสุดจากสำนักข่าว ZeroHedge เผยว่า จำนวนบริษัทที่ยื่นขอล้มละลายในสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาพุ่งถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010 โดยบริษัทที่มีหนี้สินมากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ยื่นล้มละลายในเดือนมกราคมปีนี้มีจำนวนมากกว่า 20 แห่งเลยทีเดียว ซึ่งจำนวนหนึ่งก็เป็นบริษัทด้านคริปโต เช่น บริษัทผู้ให้บริการกู้ยืมคริปโตอย่าง Genesis และบริษัทอื่น ๆ ที่ล้มละลายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ในวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา Digital Currency Group บริษัทแม่ของ Genesis ได้เปิดเผยรายงานผลขาดทุนในปี 2022 จำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับระบุว่า การขาดทุนส่วนใหญ่มาจากบริษัทด้านคริปโตในเครือที่ล้มละลายไปแล้วอย่าง Three Arrows Capital (3AC) และ Alameda Research
นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับ Voyager Digital บริษัทผู้ให้บริการกู้ยืมคริปโตที่ล้มละลายไปแล้ว โดยมีรายงานว่า บริษัทดังกล่าวเตรียมถูกเข้าซื้อโดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตในสหรัฐฯ อย่าง Binance US โดยมีกลุ่มลูกค้าของ Voyager Digital จำนวน 97% สนับสนุนการเข้าซื้อในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (US Securities and Exchange Commission: SEC) ได้ออกมายื่นคัดค้านต่อการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวอาจละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์บางประการของรัฐบาลกลาง
ในทางกลับกัน ก็มีบทวิเคราะห์บริษัทในแวดวงคริปโตมากกว่า 50 รายที่ชี้ว่า บริษัทเหล่านั้นใช้เงินกว่า 21.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งสูงเป็นสถิติสำหรับการซื้อใจรัฐบาลสหรัฐฯ โดยรายงานเผยว่า จำนวนเม็ดเงินสำหรับการซื้อใจที่เพิ่มมากขึ้นแสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมคริปโตต้องการมีอิทธิพลและได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการกำกับดูแลที่เพิ่มขึ้น