ข้อมูลล่าสุดจากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตอย่าง CoinGecko แสดงให้เห็นว่า ส่วนแบ่งตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin อย่าง Tether (USDT) ซึ่งออกโดยบริษัทด้านสกุลเงินคริปโตอย่าง Tether ได้ไต่กลับไปที่ระดับสูงสุดตลอดกาลแล้ว

แม้ว่าในรอบ 1 ปีผ่านมา Stablecoin ที่อ้างอิงมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่วนใหญ่จะมีส่วนแบ่งตลาดและมูลค่ารวมตามราคาตลาด (Market Capitalization) ลดลง ทว่า USDT กลับมีส่วนแบ่งตลาดและมูลค่ารวมตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทาง Stablecoin ตัวอื่น

ตัวอย่างเช่น Stablecoin อย่าง USD Coin (USDC) ซึ่งออกโดย Circle บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินระดับโลก มีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 34.88% มาอยู่ที่ 23.05% และมีมูลค่ารวมตามราคาตลาดลดลงจากจุดสูงสุด 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาเหลือ 29 พันล้านดอลลาร์ ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้ 

ไม่เพียงเท่านั้น Binance USD (BUSD) ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอย่าง Binance และ Dai ก็มีส่วนแบ่งตลาดลดลงด้วยเช่นกัน โดย ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้ สินทรัพย์ทั้งสองมีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 11.68% มาเหลือ 4.18% และ 4.05% มาเหลือ 3.66% ตามลำดับ

ในทางกลับกัน USDT กลับเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับสินทรัพย์เหล่านี้ โดย USDT มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 47.04% เมื่อ 1 ปีที่แล้วมาอยู่ที่ 65.89% ณ  ปัจจุบันนี้ ขณะที่มูลค่ารวมตามราคาตลาดของ USDT เพิ่มขึ้น 83.1 พันล้านดอลลาร์

Jeremy Allaire ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Circle ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า การที่ USDC มีมูลค่ารวมตามราคาตลาดลดลงนั้นมีสาเหตุมาจากการปราบปรามคริปโตโดยหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันในสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเป็นใจให้กับ Tether มากกว่า

นอกจากนี้ วิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ ยังทำให้ USDC หลุดการตรึงมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วยหลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ทุนสำรองมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์ของบริษัทติดอยู่กับธนาคารที่เป็นมิตรต่อคริปโตอย่าง Silicon Valley Bank ซึ่งถูกหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ สั่งปิด

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างอุตสาหกรรมคริปโตและการเงินแบบดั้งเดิมทำให้ Stablecoin ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานกำกับดูแลบางแห่งจึงเรียกร้องให้การเก็บทุนสำรองของ Stablecoin มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

Tether ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากทางบริษัทขาดความโปร่งใสตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2021 บริษัทถูกสำนักอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กสั่งปรับเป็นเงินจำนวน 18.5 ล้านดอลลาร์โทษฐานบิดเบือนจำนวนเงินตราในทุนสำรองที่ใช้เป็นหลักประกันในการออก USDT นอกจากนี้ บริษัทยังถูกสั่งให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับทุนสำรองของตนเพื่อความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ หลังจาก Silicon Valley Bank ล่มสลาย Tether ก็ได้พยายามที่จะลดความเกี่ยวข้องของบริษัทกับระบบธนาคาร โดยรายงานการตรวจสอบบัญชีของ Tether ที่มีการเผยแพร่ออกมาล่าสุดนั้นบ่งชี้ว่า ทางบริษัทได้นำเงินออกจากธนาคารต่าง ๆ มากกว่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2023 ซึ่งนำไปสู่ “การลดลงอย่างมาก” ของความเสี่ยงจากการผิดข้อตกลงของคู่สัญญาท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้

ไม่เพียงเท่านั้น Tether ยังได้ถือตั๋วเงินคลังของรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดใหม่ที่มูลค่ามากกว่า 53 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 64% ของทุนสำรองที่บริษัทถืออยู่ด้วย โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า เมื่อรวมกับสินทรัพย์อื่น ๆ ตอนนี้ USDT จะมีสินทรัพย์หนุนหลังเป็นเงินสด สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด และเงินฝากระยะสั้นในสัดส่วน 85%