เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่เอกสารการจัดทำงบประมาณปี 2566 ของประเทศอิตาลี ซึ่งได้ระบุถึงแผนการจัดเก็บภาษีกำไร 26% จากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต หากมูลค่ากำไรนั้นมากกว่า 2,000 ยูโร (ประมาณ 2,102 ดอลลาร์สหรัฐ คำนวณ ณ วันที่ 2 ธันวาคม) เป็นการชี้ให้เห็นถึงการมุ่งกำกับดูแลภาคส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลที่รัดกุมขึ้นของประเทศอิตาลี โดยก่อนหน้านั้น ภาษีของสินทรัพย์ดิจิทัลมีอัตราน้อยกว่านี้ เนื่องจากถูกจัดให้เป็น “สกุลเงินต่างประเทศ”

หากร่างแผนการดังกล่าวผ่านการอนุมัติและถูกบังคับใช้ ผู้ชำระภาษีจะมีทางเลือกในการเปิดเผยมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตนถืออยู่ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไปและจ่ายภาษี 14% ซึ่งถือเป็นการจูงใจพลเมืองอิตาลีให้เปิดเผยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตนถืออยู่ในแบบแสดงรายการยื่นภาษี

ในด้านของผู้ถือสกุลเงินคริปโตในประเทศอิตาลีนั้น ข้อมูลจาก Triple A ผู้ให้บริการด้านสกุลเงินคริปโตและบล็อกเชนแก่ธุรกิจระบุว่า 2.26% ของประชากรชาวอิตาลีนั้นถือครองสกุลเงินคริปโต หรือเท่ากับประมาณ 1.33 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้ชาย 57% และผู้หญิง 43% นอกจากนี้ผู้ถือ 44% ยังอยู่ในช่วงอายุ 28-38 ปี และประมาณ 80% ของผู้ถือมีรายได้อยู่ที่ 10,000-70,000 ยูโรต่อปี (ประมาณ 10,513-73,593 ดอลลาร์สหรัฐ) 

จุดยืนการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้มงวดขึ้นของอิตาลีเป็นการก้าวตามประเทศโปรตุเกสที่เพิ่งเสนอผ่านเอกสารการจัดทำงบประมาณปี 2566 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ให้มีการเก็บภาษีเงินได้ในอัตรา 28% จากคริปโตที่ถือไว้น้อยกว่า 1 ปี โดยก่อนหน้านั้น โปรตุเกสได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหลุมหลบภาษีของคริปโตและทางหน่วยงานด้านการเก็บภาษีก็ไม่เคยแตะเรื่องภาษีคริปโตมาก่อนเนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ถือว่าเป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย