เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 พนักงานของธนาคารกลางประเทศแคนาดาได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ชื่อว่า “Potential benefits and key risks of fiat-referenced cryptoassets (ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นและความเสี่ยงสำคัญของสินทรัพย์คริปโตที่อิงตามเงินตรา)” โดย “สินทรัพย์คริปโตที่อิงตามเงินตรา” ในที่นี้หมายถึง Stablecoin นั่นเอง ซึ่งบทวิเคราะห์นี้ก็ได้กล่าวถึงกลไกการสร้างและกระจาย Stablecoin ประโยชน์และความเสี่ยง รวมถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดังกล่าวอีกด้วย

บทวิเคราะห์ดังกล่าวเผยว่า ตลาด Stablecoin โลกเติบโตขึ้น 30 เท่านับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 จนถึงกลางปี 2565 โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 161 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวมักจะใช้ในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเป็นหลัก แต่ก็มีประโยชน์อื่น ๆ ในหลากหลายด้านอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อนำไปรวมกับสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) รวมถึงจะทำให้บริการการชำระเงินต่าง ๆ ต้องเจอกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนในเรื่องความเสี่ยงของ Stablecoin นั้น บทวิเคราะห์นี้ก็ได้กล่าวเจาะจงไปที่ความเสี่ยงด้านการกระจุกตัว โดยอธิบายว่า ณ ตอนนี้ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกนั้นมีส่วนแบ่งในตลาด Stablecoin ถึง 90% และนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด 1% แรกก็ถือ Stablecoin ใหญ่ ๆ ประมาณ 90% ของอุปทานทั้งหมดหรือมากกว่านั้นอีกด้วย ซึ่งการกระจุกตัวดังกล่าวหมายความว่า ผลกระทบต่อเหรียญและผู้ถืออาจจะมีขนาดใหญ่กว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ในขณะเดียวกัน บทวิเคราะห์ดังกล่าวก็กล่าวว่า หากไม่มีการกำกับดูแล Stablecoin สินทรัพย์ดังกล่าวก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน โดยกฎกำกับดูแลในแคนาดาและต่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ “ไม่ตรงจุดประสงค์” ซึ่งการมีการกำกับดูแลที่ถูกเวลาและครอบคลุมในแคนาดาจะสร้างความมั่นใจว่า Stablecoin จะเป็นประโยชน์โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น