รายงานจากหลายสำนักข่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2023 เผยว่า แผนการช่วยเหลือธนาคารชั้นนำของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Credit Suisse อาจประกอบด้วยการทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ของธนาคารขาดทุน และการโอนกิจการบางส่วนหรือทั้งหมดของ Credit Suisse Group AG ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลสวิส

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังวิเคราะห์เกี่ยวกับการโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนของ Credit Suisse มาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ ถ้าหากว่าข้อตกลงการเข้าซื้อ Credit Suisse ของ Union Bank of Switzerland (UBS) ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ เกิดล่ม

ขณะที่สำนักข่าว Reuters รายงานเช่นกันว่า หน่วยงานกำกับดูแลของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่ระหว่างพิจารณาการใช้วิธีทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ของ Credit Suisse ได้รับผลขาดทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะฟื้นฟูธนาคาร อย่างไรก็ตาม ท่าทีดังกล่าวทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปมีความกังวลว่า นักลงทุนอาจจะหมดความเชื่อมั่นในภาคการเงินของยุโรปได้

ธนาคารกลางของสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Bank: SNB) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ได้กล่าวเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมาว่า การเข้าซื้อ Credit Suisse ของ UBS เป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้นักลงทุนหมดความเชื่อมั่นใน Credit Suisse ได้

การส่งมอบกิจการของ Credit Suisse ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลสวิสจะเป็นทางเลือกฉุกเฉินเนื่องด้วยความซับซ้อนของข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งทางการสวิสกำลังมองหา “มาตรการฉุกเฉิน” ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเร่งให้การเจรจาดังกล่าวลุล่วงเร็วขึ้นก่อนที่ตลาดหุ้นเอเชียจะเปิดทำการในวันจันทร์ รวมถึงการอนุมัติให้ข้อตกลงดังกล่าวสามารถดำเนินการต่อไปโดยไม่ต้องรอเสียงโหวตจากผู้ถือหุ้นอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า UBS ขอให้รัฐบาลสวิสแบกรับค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและมูลค่าขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหากการซื้อกิจการของ Credit Suisse สำเร็จ โดย UBS ได้เสนอเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อ Credit Suisse ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่ามูลค่าตลาดของธนาคารมาก โดยข้อมูลของ Companies Market Cap ผู้ให้บริการข้อมูลด้านมูลค่าของบริษัทมหาชน ระบุว่า ในวันที่ 19 มีนาคม 2023 ธนาคาร Credit Suisse มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 7.96 พันล้านดอลลาร์