เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve: Fed) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจจะต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ Fed คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

Powell ได้กล่าวถ้อยแถลงที่เตรียมมาแล้วต่อหน้าคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ (Senate Banking Committee) ในช่วงเริ่มต้นของการให้การในรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสของเขา โดยระบุว่า “ข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่า ระดับสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยอาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้”

ไม่เพียงเท่านั้น Powell ยังกล่าวอีกว่า Fed อาจกลับไปปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าเดิมอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นท่าทีที่สวนทางกับการกระทำก่อนหน้านี้ในการประชุม 2 ครั้งล่าสุดโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการลดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0.75% มาอยู่ที่ 0.50% และ 0.25% ตามลำดับ ซึ่ง Powell ชี้แจงว่า “หากข้อมูลทั้งหมดบ่งบอกว่า การเร่งไปใช้นโยบายแบบเข้มงวดเป็นวิธีที่เหมาะสม  เราก็จะพร้อมเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” อีกทั้ง Powell ยังเสริมว่า นโยบายจะต้องคงความเข้มงวด “ไปสักพัก” พร้อมทั้งยังเสริมว่า ข้อมูลในอดีตเป็นคำเตือนที่หนักแน่นว่าไม่ให้ดำเนินนโยบายแบบผ่อนปรนก่อนเวลาอันควร

Powell ได้แสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้งจากตลาดแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อออกมาแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมกราคม แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่า ตัวเลขเหล่านี้มีสาเหตุมาจากผลกระทบตามฤดูกาลที่แข็งแกร่ง แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ตลาดวิตกกังวล ซึ่งได้ผลักดันอัตราดอกเบี้ย 'สูงสุด' ในวัฏจักรปัจจุบันที่ตลาดคาดการณ์ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านไปอยู่สูงถึง 5.5% 

แม้จะมีความเป็นไปได้ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 16 มีนาคมนี้ แต่ Powell ยังคงปล่อยให้ Fed มีอิสระในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยเขาเน้นย้ำว่า Fed จะ "ดำเนินการตัดสินใจของเราต่อไปในการประชุมแต่ละรอบโดยพิจารณาจากข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาทั้งหมดและผลกระทบของข้อมูลเหล่านั้นที่อาจมีต่อแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ"

สกุลเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นขานรับกระแสข่าวดังกล่าว ขณะที่เหล่านักลงทุนมองความคิดเห็นดังกล่าวของ Powell ว่าเป็นสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 10 ปีและ 30 ปีกลับลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบในระยะยาวของการที่ Fed จะกลับไปใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด