ในรายการ Yahoo Finance Live ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตผู้บริหารสูงสุดของบริษัทผู้ให้บริการคำปรึกษา ผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจอย่าง MicroStrategy รวมถึงผู้คลั่งไคล้ในบิตคอยน์อย่าง Michael Saylor ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ Sam Bankman-Fried อดีตผู้บริหารสูงสุดของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต FTX ที่ล่มสลายจากวิกฤตการณ์ด้านสภาพคล่องล่าสุด

โดยเขาเผยว่า “ผมมองว่า การพังทลายครั้งนี้จะเร่งให้มีการแทรกแซงทางด้านการกำกับดูแล” ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมองว่า SBF เหมือนกับ Jordan Belfort หรือ The Wolf of Wall Street แห่งโลกคริปโต

Belfort เป็นนักเขียนและอดีตนายหน้าขายหลักทรัพย์ชื่อดังจากกรณีการปั่นหุ้นสุดฉาวโฉ่ให้กับธุรกิจที่ผลประกอบการไม่ดี จนสามารถลวงให้นักลงทุนเข้ามาสนใจได้ และกอบโกยเงินจากการเป็นนายหน้าได้เป็นกอบเป็นกำ สุดท้ายก็ลงเอยที่คุกเกือบ 2 ปี ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตัว Belfort ก็ได้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองและถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงชื่อดังอย่าง “The Wolf of Wall Street (คนจะรวยช่วยไม่ได้)” ซึ่ง Saylor ก็กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ของ SBF อาจจะยิ่งใหญ่มากพอที่จะสร้างเป็นหนังแนวดังกล่าวได้อีกเรื่อง โดยสามารถตั้งชื่อเป็น “The King of Crypto” แทน

Saylor ยังกล่าวอีกว่า SBF “ใช้เงินปลอมและเงินที่ขโมยมาทำลายความดีงามแห่งอุตสาหกรรมคริปโต ไม่ว่าจะเป็นฉันทามติแบบ Proof of Work หรือบิตคอยน์” อีกทั้งยังเสริมอีกว่า SBF กำลังทำลายการกำกับดูแลและกระบวนการทางการเมือง และเมื่อมีคนที่ใช้เงินปลอมที่ขโมยมาในการทำลายอุตสาหกรรม ก็จะไม่มีใครได้รับผลดีทั้งนั้น เพราะฉะนั้น Saylor จึงคิดว่า ทุกคนควรจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ไว้

ในด้านของแพลตฟอร์ม FTX นั้น ล่าสุดก็ได้ยื่นล้มละลายแบบขอฟื้นฟูธุรกิจตามบทบัญญัติที่ 11 เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตระดับโลกอย่าง Binance ยกเลิกข้อตกลงการซื้อกิจการของ FTX เนื่องจากผู้บริหาร Binance อย่าง Changpeng Zhao (CZ) มองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความสามารถและการควบคุมไปแล้ว รวมถึงยังมีกรณีการนำเงินทุนของลูกค้าไปใช้ในทางที่ผิดอีกด้วย


ส่วน SBF ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดไปแล้ว แต่เขาก็ระบุว่า เขาจะเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทในระหว่างการเปลี่ยนผู้นำ และจะพยายามนำ “สภาพคล่อง” กลับมาให้กับผู้ใช้แพลตฟอร์ม