งานวิจัยของ Recap แพลตฟอร์มให้บริการด้านการคำนวณภาษีคริปโต ชี้ให้เห็นว่า ลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เป็นเมืองที่มีความพร้อมสำหรับการทำธุรกิจในอุตสาหกรรมคริปโตมากที่สุดในโลกประจำปี 2566 ตามมาด้วยดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ได้อันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ส่วนอดีตแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้วอย่างฮ่องกงกลับตกลงมาอยู่ที่อันดับ 7 แทนในปีนี้ ขณะที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ก็ติดโผด้วยเช่นกันโดยอยู่อันดับ 10

โดยงานวิจัยดังกล่าวได้พิจารณาจากปัจจัยสำคัญ 8 ประการ ได้แก่ 1. จำนวนงานอีเวนต์ด้านคริปโตทั้งหมด, 2. จำนวนบริษัทคริปโตทั้งหมด, 3. จำนวนงานด้านคริปโตทั้งหมด, 4. จำนวนตู้ ATM คริปโตทั้งหมด, 5. คุณภาพชีวิตของชาวเมือง, 6. การใช้จ่ายด้านการวิจัยและการพัฒนาต่อผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) 7. อัตราภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์ 8. อัตราการเป็นเจ้าของคริปโตในแต่ละประเทศ 

ทั้งนี้ ลอนดอนไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองที่มีความพร้อมด้านคริปโตมากที่สุดในอันดับ 1 เท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่มีประชากรที่ทำงานในสายธุรกิจคริปโตมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีพนักงานที่ทำงานสายคริปโตทั้งหมด 2,173 คน อีกทั้งยังมีบริษัทคริปโตมากกว่า 800 แห่ง 

ดูเหมือนว่า วิสัยทัศน์ของ Rishi Sunak นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร จะเริ่มมีผลแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยกล่าวเอาไว้ว่า ตนมีเป้าหมายที่จะต้อง “ทำให้มั่นใจว่า อุตสาหกรรมบริการทางการเงินของสหราชอาณาจักรเป็นแห่งแรก ๆ ของโลกที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้อยู่เสมอ”