แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลด้านสกุลเงินคริปโตอย่าง Santiment ระบุว่า นักลงทุนที่ถือคริปโตไว้จำนวนมากได้เข้าซื้อสกุลเงินคริปโตอันดับหนึ่งของวงการอย่างบิตคอยน์รวมกันทั้งหมด 47,888 BTC ภายใน 5 วันระหว่างวันที่ 24-29 พฤศจิกายน 2565 นับเป็น 0.24% ของอุปทานของบิตคอยน์เลยทีเดียว

ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลานานกว่า 13 เดือนแล้วที่บิตคอยน์ประสบกับการถูกเทขาย และยิ่งหนักขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของแพลตฟอร์มคริปโตที่เคยยิ่งใหญ่อย่าง FTX ซึ่งในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนนี้ นักลงทุนที่ถือบิตคอยน์ระหว่าง 100-10,000 BTC (หรือที่เรียกว่า “วาฬ”) ได้ขายบิตคอยน์ไปกว่า 1.36% ของอุปทานบิตคอยน์

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการเข้าซื้อดังกล่าวก็ยังน้อยกว่าปริมาณขายในช่วงเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียวอยู่หลายเท่า ซึ่งชี้ให้เห็นได้ว่า เหล่าวาฬกำลังเริ่มเก็บเกี่ยวบิตคอยน์เข้ากระเป๋าเนื่องจากปกติแล้วช่วงเทศกาลคริสต์มาส ราคาเหรียญดังกล่าวจะขึ้น และถ้าหากราคาเหรียญพุ่งขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ ผู้ที่ถือเหรียญก็จะสามารถทำกำไรได้ในช่วงนั้นด้วยการขาย

ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้มีเพียงวาฬบิตคอยน์ที่เข้ามาซื้อบิตคอยน์ในช่วงนี้ เหล่านักลงทุนที่ถือบิตคอยน์ระหว่าง 0.1-10 BTC ก็เข้ามาซื้อเหมือนกัน โดยข้อมูลจากผู้ให้บริการด้านข้อมูลบล็อกเชนอย่าง Glassnode ระบุว่า กระเป๋าเงินของกลุ่มกุ้ง (ผู้ที่ถือบิตคอยน์น้อยกว่า 1 BTC) และกลุ่มปู (ผู้ที่ถือบิตคอยน์ระหว่าง 1-10 BTC) นั้นเพิ่มขึ้นจนทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยกระเป๋าเงินของกลุ่มกุ้งเพิ่มขึ้นไปถึง 4.07 ล้านกระเป๋า ในขณะที่กลุ่มปูขึ้นไปที่ 952,754 กระเป๋า