Bitcoin คืออะไร ?

Bitcoin เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) สกุลแรกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap ณ วันที่ 18/07/2021) ถูกประดิษฐ์และออกแบบด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ไว้ใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ในเชิงกายภาพ และไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่สามารถใช้งานได้เสมือนเงินจริง โดยผู้ริเริ่มโปรเจกต์เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผู้หนึ่งโดยใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nakamoto) ร่วมกับนักพัฒนากลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่จากทั่วโลก  ในระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้น Bitcoin เป็นระบบจ่ายเงินที่ตั้งอยู่บนหลักการการถอดรหัสทางคณิตศาสตร์ จุดประสงค์หลักเพื่อให้เป็นอิสระจากการควบคุมของหน่วยงานกลางอย่างธนาคาร และรัฐบาล สามารถส่งผ่านกันไปมาได้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ด้วยค่าทำเนียมที่ถูก

สิ่งที่ทำให้ Bitcoin นั้นมีมูลค่า เพราะถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำกัดเพียง 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น และไม่สามารถสร้างขึ้นมาเพิ่มได้ แต่ถึงกระนั้น Bitcoin ก็ยังสามารถถูกแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยๆ ได้ โดยหน่วยที่เล็กที่สุดมีค่า 0.00000001 Bitcoin จะถูกเรียกว่า ซาโตชิ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับผู้ริเริ่มการสร้าง Bitcoin และที่สำคัญ ธุรกรรมของ Bitcoin ปลอมแปลงได้ยาก ซึ่งเราจะกล่าวในหัวข้อถัดไปว่าทำไมถึงปลอมแปลงได้ยาก อีกทั้งมูลค่าในเชิงราคาของ Bitcoin ไม่ได้ถูกอ้างอิงมูลค่าจากสินทรัพย์อื่นอย่างทอง เงิน หรือสกุลเงินดอลลาร์ แต่ถูกอ้างอิงด้วยเทคโนโลยีเบื้องหลังการทำงานของมันและสมการคณิตศาสตร์ ซึ่งผู้คนทั่วไปไม่ว่าใครก็สามารถใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ช่วยในการถอดรหัสสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อใช้ในการแก้สมการของ Bitcoin ได้ โดยรางวัลที่ผู้แก้สมการนี้จะได้รับก็จะเป็น Bitcoin นั่นเอง โดยซอฟต์แวร์ที่ดังกล่าวเป็นระบบ Open source ทำให้ทุกคนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้

Bitcoin ถือกำเนิดมาบนโลกนี้ได้ระยะเวลาเพียง 11 ปี โดยประมาณ ตั้งแต่ปี 2009 เปิดตัวด้วยราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะอยากเป็นเจ้าของ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 1 Bitcoin มีค่า $0.08 หรือประมาณ 2.62 สตางค์ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับปี 2021 ที่ราคาสูงสุดอยู่ที่ $64,854 หรือกว่า 2 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 14/04/2021) หรือประมาณ 8 แสนเท่าในระยะเวลาเพียง 11 ปี จึงไม่น่าแปลกที่จะเป็นที่จับตามองของเหล่านักลงทุนและนักเก็งกำไรจากทั่วทุกมุมโลก

Bitcoin ทำงานอย่างไร ?

Bitcoin มีพื้นฐานการทำงานแบบระบบกระจายศูนย์ (Decentralized system) บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และเป็นสกุลเงินแรกที่ทำงานบน Blockchain กล่าวคือ Bitcoin ทำการประมวลผล และเก็บข้อมูลทั้งหมดอยู่บนเครือข่าย Blockchain และบันทึกธุรกรรมที่เกิดขึ้นเหล่านั้นลงบนบล็อก โดยทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะไม่ผ่านตัวกลางในการควบคุม แต่สามารถตรวจสอบได้ และรวดเร็ว อีกทั้งยังปลอดภัย คำถาม คือ ในเมื่อ Bitcoin ไม่มีตัวกลางในการควบคุม จะรู้ได้ว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นธุรกรรมบนระบบเครือข่าย Blockchain ของ Bitcoin นั้นถูกต้อง ในระบบเครือข่าย Bitcoin จะใช้ระบบที่เรียกว่า Proof of Work (PoW) ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ต้องไว้วางใจใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการใช้เสียงข้างมากในการตัดสินและอนุมัติการทำธุรกรรมในระบบ โดยจะมีผู้ตรวจสอบความถูกต้องของบล็อก หรือที่เราเรียกกันว่า นักขุด (Miner) ผู้ซึ่งคอยแข่งกันถอดรหัสของบล็อกออกมาเป็นข้อมูลของ ผู้ส่ง ผู้รับ และจำนวน Bitcoin โดยเมื่อมีทำธุรกรรมข้อมูลทั้งสามจะถูกเข้ารหัสแปลงเป็น Hash ด้วยกระบวนการ Hash Fucntion กล่าวคือ การทำให้ Input ใดใด กลายเป็น Output ในขนาดที่กำหนด สิ่งที่นักขุดต้องทำคือ การใช้เครื่อขุดเดาค่า Input ดั้งเดิมของ Output นั้น ซึ่งหากนักขุดในเครือข่ายถอดรหัสออกมาได้ค่าใดค่าหนึ่งเป็นเสียงส่วนมาก ระบบก็จะยึดคำตอบ เพื่อทำการยืนยันความถูกต้องของบล็อก แล้วจึงทำการบันทึกข้อมูลบล็อกนี้ลงไปในสมุดบัญชีกลาง (General Ledger) บนเครือข่าย Blockchain และข้อมูลนั้นจะไม่สามารถถูกแทรกแทรง หรือแก้ไขได้อีกเลย อีกทั้ง Miner คนแรกที่แก้ Hash นี้ถูกก็จะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin

        

อยากเป็นเจ้าของ Bitcoin ต้องทำอย่างไร ?

การจะเป็นเจ้าของ Bitcoin ในปัจจุบันทำได้ 2 วิธี ได้แก่

การขุด (Mining)

การขุด Bitcoin นั้นเป็นกระบวนในการช่วยตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมบนระบบเครือข่ายของ Bitcoin เปรียบได้กับการทำเหมือง โดยนักขุด (Miner) จำเป็นต้องใช้พลังงานในการประมวลของคอมพิวเตอร์ช่วยถอดรหัสจากซอฟต์แวร์ให้ได้ไวที่สุด เพราะผู้ที่ถอดรหัสได้ไวที่สุดคนแรกจะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin และยิ่งมีนักขุดทำการขุดเยอะ ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะยิ่งได้ยากขึ้น ทำให้ที่ผ่านมานักขุดทั้งหลายหันไปพึ่งพากราฟิกการ์ด หรือที่เรารู้จักกันในการ์ดจอคอมพิวเตอร์ มาช่วยในการขุดหาเหรียญ เพราะมีพลังงานการประมวลผลในการถอดรหัสที่สูง ส่งผลให้ราคากราฟิกการ์ดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทยมีราคาที่สูงเกินราคาตลาดไปมาก


สำหรับผู้สนใจเป็นนักขุด สิ่งที่จำเป็นต้องเตรียมสำหรับการทำเหมือง คือ เงินทุนในการจัดหาเครื่องขุดหรือกราฟิกการ์ด ยิ่งปริมาณมีมากเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการขุดก็จะยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น และเงินทุนในการจ่ายค่าไฟฟ้า ซึ่งผู้ที่สนใจเส้นทางต้องพิจารณาให้ดีมากต้นทุนที่ใช้กับผลตอบแทนที่ได้ จะคุ้มทุนเมื่อไหร่ และอย่าลืมคิดค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์ที่ใช้ด้วย เพราะอุปกรณ์ที่เราใช้นอกจากค่าเสื่อมถอยจากการใช้งานอุปกรณ์ยังมีเรื่องของความทันสมัยของอุปกรณ์ด้วย ถ้าอุปกรณ์ที่เราใช้อยู่เป็นรุ่นเก่า ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงไม่อาจจะสู้อุปกรณ์รุ่นใหม่ได้มากนัก


การแลกเปลี่ยนบนโลกอินเทอร์เน็ต

นอกเหนือจากการขุดข้างต้น เราสามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin เหล่านี้ได้ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งโดยปกติหากเข้าใช้งานบนตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) บริการนี้จะมีอยู่แล้ว เมื่อมีกระเป๋าเงินดิจิทัลแล้ว ผู้ใช้สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้บนกระดานซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยน หรือสามารถติดต่อซื้อขายกับเจ้าของ Bitcoin ได้โดยตรงที่เราเรียกกันว่า Peer-to-Peer (P2P) ซึ่งการแลกเปลี่ยนบนตลาดนั้นค่อนข้างปลอดภัยเพราะถูกควบคุมโดยกฎหมายอีกทีในเรื่องของการขอหลักฐานในการยืนยันตัวตน ซึ่งก็เป็นอีกทางเหลือหนึ่งในการเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัล

Bitcoin ใช้งานอย่างไร ?

ในการใช้งาน Bitcoin สิ่งที่เราจำเป็นต้องพึงระลึกและมีไว้ก่อนเสมอ คือ กระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งระบบในกระเป๋าจะไม่แตกต่างกันมากนัก เมื่อคุณมี Bitcoin อยู่แล้ว คุณเพียงเข้าไปที่หน้าของการถอนสินทรัพย์ของคุณ จากนั้นระบุเลขบัญชีปลายทาง และจำนวน Bitcoin ที่ต้องการจะทำธุรกรรมด้วย ซึ่งต้องตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยตัวผู้ใช้เองว่าเลขแอดเดรสปลายทางน่าเชื่อถือ และเลขแอดเดรสถูกต้องหรือไม่ ก่อนการทำธุรกรรม เพราะเมื่อการทำธุรกรรมสำเร็จ เราจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นภายหลัง ผู้ใช้ทุกคนจึงต้องพึงระวังในส่วนนี้เป็นที่สุด อีกทั้งอย่าได้เปิดเผย Seed หรือ Private key ให้กับใครนอกจากตัวเองล่วงรู้เป็นอันขาด เพราะมันอาจจะกลายเป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในการนำมาซึ่งการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณทั้งหมดในเวลาต่อมา